แก่ต้องมีกิน! อายุเท่านี้ต้องเก็บเงินเท่าไรถึงจะพอใช้หลังเกษียณ

หมดยุคแล้วกับการมีลูกไว้เลี้ยงตอนแก่ ยิ่งหวังเงินสวัสดิการจากภาครัฐ… ก็เป็นไปไม่ได้ ดังนั้นตอนยังทำงาน มีแรงสะสมเงิน เราก็ต้องเต็มที่ แต่เก็บเงินเท่าไรถึงจะพอใช้กันล่ะ?

ภาพจาก Shutterstock

ชาวอเมริกันอยากมี 1 ล้านเหรียญไว้ใช้หลังเกษียณ แต่ 48% คิดว่าหาได้ไม่ถึงเป้า

ต้องยอมรับว่ากระทั่งประเทศที่พัฒนาแล้ว อย่างสหรัฐอเมริกา คนส่วนมากยังไม่ได้เตรียมตัวสำหรับการเกษียณอายุ จากผลการศึกษาล่าสุดของ  Fidelity พบว่า คนสหรัฐฯ มากกว่า 30% อยากจะมีเงินมากวก่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐ (คิดเป็น 33 ล้านบาท) เพื่อใช้ชีวิตหลังจากเขาหยุดทำงานหรือเกษียณ

แต่ชาวอเมริกันประมาณ 48% คิดว่าเขาไม่สามารถเก็บเงินเพื่อการเกษียณได้ถึง 1 ล้านเหรียญสหรัฐหรอก

ภาพจาก Shutterstock

อายุเท่าไรก็เริ่มออมเงินได้  25 ปี แบ่งรายได้ 10% ทุกปีพอใช้หลังเกษียณแน่

แน่นอนว่าการออมเงินยิ่งมีเวลาออม ก็มีเวลาสะสมให้มากขึ้น แต่ถ้าไม่เริ่มเก็บ ยังไงก็ไม่มีเหลือ

นักวิเคราะห์จาก ศูนย์วิจัยเพื่อการเกษียณ  the Boston College Center บอกว่า หากต้องดารเกษียณตอนอายุ 65 ปี การจะมีเงินประมาณ 70% เพื่อใช้ชีวิตหลังจากเลิกทำงานต้องเริ่มต้นที่การออมเงินต่อเนื่องทุกปี (ทางศูนย์วิจัยจากค่าใช้จ่ายพื้นฐาน และ คำนวนจากเงิรสมทบจำนวนเดียวกันต่อเนื่องทุกปี)

อายุ 25 ปี ต้องออมเงินอย่างน้อย 10% ของรายได้ในแต่ละปี เมื่ออายุ 65 ปีจะมีเงินเพียงพอใช้หลังเกษียณ

ส่วนอายุ 35 ปี เราจะเห็นคนอเมริกันเริ่มเตรียมตัวเกษียณช่วงนี้ เขาต้องแบ่งเงินอย่างน้อย 15% ของรายได้ในแต่ละปี

ด้านอายุ 45 ปีขึ้นไป ต้องเก็บเงินประมาณ 27% ของรายได้ต่อปี ถึงจะมีเงินเพียงพอกับการเกษียณ ที่ต้องออมเยอะขึ้นเพราะมีระยะเวลาในการเก็บเงินสั้นกว่าคนอื่น

อีกทางแก้หนึ่งของคนที่เงินเก็บไม่พอใช้หลังการเกษียณ คือ ทำงานต่อ และยืดเวลาการเกษียณอายุออกไปอีก เพื่อจะได้มีเวลาเก็บเงินมากขึ้น

สรุป

อายุเยอะขึ้น เงินที่ต้องใช้ก็มากขึ้นด้วย ยิ่งเริ่มเก็บเร็ว เราก็มีช่องทางไปลงทุน หรือให้เงินทำงานได้เร็วขึ้น เราก็มีเวลาไปทำสิ่งที่ชอบได้มากขึ้นด้วย

สรุปว่าถ้าจะเกษียณอายุตอน 65 ปี ถ้าเริ่มออมตอนอายุ 25 ปี ก็ออมอย่างน้อย 10% ของรายได้ในแต่ละปี อายุ 35 ปี ออมอย่างน้อย 15% ของรายได้ในแต่ละปี อายุ 45 ปีขึ้นไป ต้องเก็บเงินประมาณ 27% ของรายได้ต่อปี

ที่มา Foxbusiness

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา