ผลสำรวจชี้! การประท้วงในฮ่องกงส่งผลดีกับสิงคโปร์เต็มๆ

ก่อนหน้านี้การแข่งขันเป็นศูนย์กลางด้านการเงินของเอเชียระหว่างฮ่องกงกับสิงคโปร์นั้นบี้กันอย่างสูสี แต่จากนี้คงไม่อีกแล้ว เพราะการประท้วงในฮ่องกงนั้นสร้างผลเสียให้เศรษฐกิจของฮ่องกง และผู้ที่ได้ประโยชน์เต็มๆ ก็คือสิงคโปร์

สิงคโปร์
ภาพ shutterstock

หอการค้าสหรัฐอเมริกาในสิงคโปร์ฟันธง

หอการค้าสหรัฐอเมริกาในสิงคโปร์ทำการสำรวจ 120 บริษัทที่มีธุรกิจอยู่ทั้งในฮ่องกง และสิงคโปร์ระหว่างวันที่ 21-29 ส.ค. พบว่า 80% ของบริษัทเหล่านี้มองว่าการประท้วงส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ และการลงทุนในฮ่องกง นอกจากนี้อีก 22% ของบริษัทดังกล่าวยังมีแผนพิจารณาย้ายเงินทุนออกจากฮ่องกงด้วย

อย่างไรก็ตามมีเพียง 5% ของบริษัทเหล่านี้ที่มีแผนจะย้ายเงินทุนออกจากฮ่องกงในทันที และในทางกลับกัน 90% ของกลุ่มสำรวจก็บอกว่าสิงคโปร์เป็นที่ที่ดีที่สุดในการดำเนินธุรกิจ เรียกว่ามองข้ามฮ่องกง และประเทศอื่นๆ ไปเลย ซึ่งเหตุผลนั้นก็มาจากการประท้วงในฮ่องกงที่เกิดขึ้นเป็นเวลานาน

ฮ่องกง
ภาพ Shutterstock

ทั้งนี้บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ Fitch ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรระยะยาวในสกุลเงินต่างประเทศของฮ่องกงลงจากเดิมที่ AA+ มาอยู่ที่ AA รวมถึงภาพรวมทั่วไปของฮ่องกงจากสถานะปกติเป็นแย่ลง นอกจากนี้จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในฮ่องกงก็ลดลงเกือบ 40% เมื่อเทียบกับช่วงเดือนส.ค. 2561 เช่นกัน

ความเหมือนที่แตกต่างของสองพื้นที่เศรษฐกิจ

ไม่ใช่แค่นักท่องเที่ยวที่ลดลงจนกระทบภาคการท่องเที่ยวของฮ่องกง แต่งานประชุมต่างๆ เช่น Global Wellness Summit ที่เดิมต้องจัดในฮ่องกงช่วงเดือนต.ค. ก็ย้ายไปจัดที่สิงคโปร์แทน ทำเอา แครี่ แลม ผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ออกมายอมรับว่า วิกฤตินี้กระทบเศรษฐกิจหนักกว่าการแพร่ระบาดของโรคซาร์ส และวิกฤติการเงินโลก

ฮ่องกง
ภาพ Shutterstock

ทั้งนี้ฮ่องกง และสิงคโปร์ก็มีความเหมือนกันในบางเรื่อง เช่นเคยเป็นอาณานิคมของอังกฤษ แต่สุดท้ายแล้วฮ่องกงมาเป็นเขตปกครองพิเศษของประเทศจีน ส่วนสิงคโปร์เป็นประเทศที่มีการปกครอง และควบคุมโดยพรรคการเมืองหนึ่งอย่างเบ็ดเสร็จมาอย่างยาวนาน ทั้งยังสร้างระเบียบต่างๆ ขึ้นมาจนการชุมนุมสาธารณะเกิดขึ้นได้ยาก

ถึงไม่เสรี แต่ก็ยังเป็นประเทศที่น่าทำธุรกิจ

แม้กลุ่มสิทธิมนุษยชนต่างๆ วิจารย์สิงคโปร์เกี่ยวกับการที่รัฐบาลยับยั้งการพูดอย่างเสรี แต่เมื่อมองในมุมการทำธุรกิจแล้ว “สิงคโปร์” ก็เป็นประเทศอันดับต้นๆ ที่เหมาะแก่การทำธุรกิจ เช่นธนาคารโลกให้อันดับที่ 2 รองจากนิวซีแลนด์เท่านั้น เนื่องจากมีนโยบายสนับสนุนเกี่ยวกับธุรกิจมาตลอด และคุ้มครองสิทธิต่างๆ ของผู้ทำธุรกิจอย่างต่อเนื่อง

สรุป

เมื่อฮ่องกงกำลังสูญเสียความเป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจ จึงไม่แปลกที่สิงคโปร์จะเร่งเครื่องเพื่อสร้างจุดแข็งให้กับองค์กรธุรกิจอื่นๆ รับรู้ แต่ใช่ว่าจะมีเพียงสิงคโปร์เท่านั้นที่ได้ประโยชน์ เพราะประเทศอื่นๆ ก็กำลังสร้างตัวเองให้กลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจเช่นกัน ตัวอย่างที่ดีคือจีนที่ปั้นเซี่ยงไฮ้ให้เป็นศูนย์กลางแทนฮ่องกง

อ้างอิง // Aljazeera, Asiatimes

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

mm
นักศึกษาฝึกงานที่สนใจเศรษฐกิจ ติดตามฟุตบอล หลงรักการถ่ายรูป และเกลียดวันจันทร์พอๆ กับรักวันศุกร์