Honda กับการเลือกทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าล้วนขนาดเล็ก แทนที่เก๋ง และ SUV เหมือนแบรนด์อื่น

ตอนนี้ผู้ผลิตรถยนต์หลายรายเร่งพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าล้วนแบบเก๋งและ SUV เพราะรถยนต์เหล่านี้ค่อนข้างตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ในวงกว้าง แล้วทำไม Honda ถึงเลือกทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กที่ชื่อว่า Honda e

honda e

ทางเลือกที่ตอบโจทย์ยุโรป และญี่ปุ่น

ในสหรัฐอเมริกา และจีนมีการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าล้วนแบบ SUV เป็นจำนวนมาก และกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าล้วนแบบเก๋งต่างอยู่ระหว่างพัฒนา เพราะท้องถนนของพื้นที่ดังกล่าวค่อนข้างกว้าง และการเดินทางของผู้บริโภคทั่วไปนั้นค่อนข้างใช้ระยะทางที่ไกล การที่ SUV และเก๋งที่ใส่แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ได้จึงค่อนข้างเหมาะสม

อย่างไรก็ตามหากมาดูที่ตลาดญี่ปุ่น และกลุ่มประเทศยุโรปที่ผู้บริโภคใช้งานรถยนต์เพื่อเดินทางในเมืองเป็นหลัก และท้องถนนค่อนข้างแคบ ดังนั้นรถยนต์ขนาดเล็กจึงได้รับความนิยมอย่างมาก และ Honda อาศัยจุดแข็งในเรื่องนี้เปิดตัว Honda e รถยนต์ไฟฟ้าล้วนขนาดเล็กแบบ 2 ประตู และทำตลาดในกลุ่มประเทศยุโรป และญี่ปุ่นโดยเฉพาะ

honda e

Tomofumi Ichinose หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมของ Honda e แจ้งว่า รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้เริ่มขายในตลาดยุโรปมาตั้งแต่ต้นเดือนส.ค. และมีการตอบรับที่ดี ผ่านราคาเริ่มต้น 33,000 ยูโร และในเดือนต.ค. จะเริ่มขายในญี่ปุ่น โดยบริษัทตั้งเป้ายอดขายในยุโรป 10,000 คัน และญี่ปุ่น 1,000 คันในระยะเวลา 1 ปีแรก

สำหรับ Honda e นอกจากจะมีสองประตู จุดเด่นของรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ยังมีการทำวงล้อที่แคบ และคล่องตัวเมื่อต้องกลับรถในพื้นที่เล็ก นอกจากนี้ยังตัดกระจกข้างทิ้ง และแทนที่ด้วยกล้อง กับหน้าจอแสดงภาพแทน เพราะต้องการให้การเดินทางในที่แคบทำได้ดีที่สุด ส่วนระยะทางหลังชาร์จเต็มจะอยู่ที่ 280 กม.

“ตอนนี้หลายผู้ผลิตรถยนต์ชูเรื่องแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าเดินทางได้ไกล บางรุ่นวิ่งได้เกือบ 600 กม. แต่ถ้ารถยนต์ไฟฟ้านั้นถูกใช้ในเมืองเป็นหลัก ระยะทางไกลๆ ก็คงไม่จำเป็น ยิ่งการสำรวจพบว่า รถยนต์ขนาดเล็กเป็นที่ชื่นชอบของคนเมือง Honda จึงเลือกทำตลาด Honda e เพื่อเติบโตในตลาดนี้”

สรุป

Honda e จะไม่มีจำหน่ายในพื้นที่อเมริกาเหนือ และจีน เพราะมันไม่เหมาะแน่นอน แต่การที่ Honda เดินเกมแบบนี้ บริษัทน่าจะสร้างความแข็งแกร่งให้กับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่ยังไม่มีใครสนใจได้ และส่วนตัวหวังว่ารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้น่าจะเข้ามาทำตลาดในไทยเหมือนกัน เพราะท้องถนนของไทยก็น่าจะเหมาะสม

อ้างอิง // Reuters

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา