ฮอนด้า ชี้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) รออีก 10 ปี ตอนนี้เน้นเครื่องยนต์ HYBRID

13843649_10153587975471020_1175842147_o

  • ฮอนด้า เปิดตัว Honda Accord HYBRID ราคา 1.659 ล้านบาท และ HYBRID TECH 1.849 ล้านบาท
  • เสนอภาครัฐยังไม่ถึงเวลาของ EV เวลานี้ Technology HYBRID ต้องมาก่อน
  • ครึ่งปีทำยอดขายได้ตามเป้า เชื่อทั้งปีไม่มีปัญหา ครองตำแหน่งอันดับ 1 ตลาดรถยนต์นั่ง

13839821_10153587975461020_194853045_o

งานเปิดตัว Honda Accord HYBRID ใหม่ คำถามประจำที่ค่ายรถชั้นนำต้องเจอคือ มีความเห็นอย่างไรกับนโยบายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของรัฐบาล ซึ่งทุกค่ายให้ความเห็นในแนวทางเดียวกัน รวมถึง ฮอนด้า ค่ายยักษ์ใหญ่ที่ครึ่งปีแรกครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไว้ได้

พิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ ของ ฮอนด้า บอกว่า เวลานี้รถยนต์ไฟฟ้ากำลังเป็นกระแสในอุตสาหกรรมยานยนตร์ เป็นเทคโนโลยีที่ดีมากทั่วโลกให้ความสนใจ แต่ต้องยอมรับว่าเป็นเทคโนโลยีของอนาคต เพราะยังมีข้อจำกัดมาก เช่น ชาร์จไฟหนึ่งครั้งวิ่งได้ระยะทางเท่าใด เทียบกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันแล้วเป็นอย่างไร มีสถานีชาร์จไฟฟ้าเพียงพอกับความต้องการหรือไม่ ซึ่งทั้งหมดต้องใช้เงินลงทุนสูงมาก

ดังนั้น จากการประเมินส่วนตัวแล้ว มองว่า ประเทศไทยจะพร้อมสำหรับ EV ต้องใช้เวลาอีกประมาณ 10 ปีข้างหน้า จึงจะเริ่มมีรถยนต์ EV ใช้งานจริง หรืออย่างน้อยต้อง 5 ปี อาจจะเริ่มมีการนำเข้ามาทำตลาดบ้างบางส่วน

13844308_10153587975501020_2086897560_o

ขณะที่สิ่งที่เป็นเทคโนโลยีที่ดีและสามารถใช้งานได้จริงในปัจจุบันคือ HYBRID และ Plug-in HYBRID ซึ่งผสมผสานการใช้งานทั้งน้ำมันเชื้อเพลิงและไฟฟ้า ซึ่งหากรัฐบาลให้การสนับสนุน ทั้งด้านภาษี และการลงทุน จะช่วยให้เกิดการใช้งานที่แพร่หลายมากขึ้น จากปัจจุบันที่จำกัดอยู่ในรถยนต์ระดับบน ถ้ามีการใช้งานมากขึ้นหลักแสนคัน ก็สามารถผลิตในประเทศได้ (ปัจจุบัน แบตเตอร์รี่ และ มอเตอร์ นำเข้าจากต่างประเทศ)

ดังนั้น ฮอนด้า จึงมุ่งพัฒนาเครื่องยนต์ HYBRID และใช้ใน Honda Accord HYBRID ใหม่ เพื่อแสดงให้ผู้ใช้เห็นว่านี่คือ เทคโนโลยีที่ดี ใช้งานได้จริง มีกำลังเร่งและอัตราเร่งที่ดี

Collision Mitigation Braking System (CMBS)

Lane Keeping Assist System (LKAS)

จุดเด่นของ Honda Accord HYBRID กับราคา 1.6 – 1.8 ล้านบาท

งานเปิดตัว Honda Accord HYBRID นอกจากดีไซน์ภายนอกที่ดูสวยงามหรูหราขึ้น จุดเด่นสำคัญคือ เครื่องยนต์ HYBRID ใหม่ระบบ Advanced i-MMD Two-Motor Hybrid System และเทคโนโลยีช่วยในการขับขี่และเพิ่มความปลอดภัย (โดยเฉพาะใน HYBRID TECH) ของ ฮอนด้า โดยตัวเครื่องยนต์ขนาดเล็กลง 23% น้ำหนักลดลง 27% ทำให้กินน้ำมันน้อยลง และมีกำลังเพิ่มขึ้น 12 kw ทำให้เครื่องยนต์มีกำลัง 158 kw 215 แรงม้า

โหมดขับขี่ด้วยไฟฟ้า (EV Drive Mode) ทำความเร็วได้สูงสุด 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ประหยัดน้ำมันสูงสุด 23.8 กิโลเมตรต่อลิตร (ในห้องทดสอบ) บนถนนจริง อาจจะประหยัดน้ำมันน้อยกว่านั้น และมีอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 99 กรัมต่อกิโลเมตร

ส่วนเทคโนโลยีที่เป็นจุดเด่น คือ Honda SENSING เพื่อช่วยในการขับขี่และความปลอดภัย เช่น ระบบเตือนการชนด้านหน้าและตวรจจับคนเดินถนนด้วยกล้องและเรดาห์พร้อมระบบช่วยเบรก, ระบบแจ้งเตือนและช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องเดินรถ, ระบบแจ้งเตือนและช่วยเหลือเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ

สุดท้ายอยู่ที่ผู้ใช้จะตัดสินใจเลือกซื้อหรือไม่ กับ ราคา 1.659 ล้านบาท และ 1.849 ล้านบาท

165AC_mmc_H008_eng.eps

13681950_10153587975441020_405416245_o

ครึ่งปีแรกเป็นไปตามเป้า คาดรวมทั้งปียึดอันดับ 1 ตลาดรถยนต์นั่ง

ฮอนด้า เปิดตัวเลขยอดขายครึ่งปีแรกไปก่อนหน้านี้แล้ว สามารถยึดส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ไว้ได้ยอดขาย 53,952 คัน และตั้งเป้าทั้งปีที่ 113,000 คัน ซึ่งหากสามารถทำได้ตามเป้าก็จะมีส่วนแบ่งตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเป็นที่ 1 แน่นอน ขณะที่คาดการณ์ตลาดรวมทั้งอุตสาหกรรม 740,000 คัน ก็น่าจะเป็นไปตามนั้นเช่นกันฃ

ส่วนตลาดส่งออกของ ฮอนด้า ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ถือว่าเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ โดยมีการส่งออกไป 80,000 คัน เติบโต 15% มีตลาดหลักคือ ตะวันออกกลาง, อาเซียน และออสเตรเลีย และมองว่าครึ่งปีหลังรถ MPV หรือรถอเนกประสงค์ จะเป็นอีกประเภทที่ผู้บริโภคให้ความสนใจมากขึ้น โดยฮอนด้ามี Mobilio ที่ผลิตในไทยเป็นพระเอกอยู่แล้ว

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา