อังกฤษ-สหภาพยุโรปจับมือ จบดีลการค้าประวัติศาสตร์

การเดินทางอันแสนยาวไกล สิ้นสุดลงแล้ว อังกฤษและสหภาพยุโรปสรุปดีลการค้าระหว่างประเทศกันได้แล้ว ทั้งในมิติทางเศรษฐกิจ ความมั่นคง และสิทธิในการตกปลา การทำประมง ฯลฯ

นายกรัฐมนตรี Boris Johnson แห่งอังกฤษ และ Ursula von der Leyen ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปเห็นพ้องทำความตกลงหลังจากที่เจรจามหากาพย์ยาวนาน 9 เดือน โดย Boris Johnson ทวีตข้อความว่าความตกลงสำเร็จแล้วผ่านทวิตเตอร์ มันสามารถทำให้อังกฤษกลับมาควบคุมอะไรได้มากขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง พรมแดน กฎหมาย การค้า น่านน้ำสำหรับตกปลา

ด้าน von der Leyn ระบุว่า นี่เป็นความตกลงระหว่างอังกฤษและสหภาพยุโรปนี้ก็เป็นดีลที่เป็นธรรมและสมดุลเช่นกัน มันช่วยปกป้องผลประโยชน์ของ EU ให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรมและเรื่องการประมง เธอกล่าวว่า เป็นช่วงเวลาสิ้นสุดหนทางยาวไกลสำหรับการเจรจาแล้ว ความตกลงนี้จะให้ความสัมพันธ์รูปแบบใหม่ที่เป็นปึกแผ่นมากยิ่งขึ้น เราสามารถหันหลังให้กับ Brexit ได้ ยุโรปต้องก้าวต่อไป

โดยความตกลงทางการค้าดังกล่าวมีขนาดหนาราว 2,000 หน้า มีความร่วมมือที่หลากหลายทั้งด้านนิวเคลียร์ พลังงาน การประมง การบิน โดยความตกลงการค้าฉบับแรกที่ลงนามร่วมกันจะมีทั้งปลอดภาษี (zero tariff) มีโควตาภาษี (zero quota) ว่าด้วยเรื่องการค้ามูลค่า 6.68 แสนล้านปอนด์ในปี 2019 มันจะมีนัยสำคัญต่อต้นทุนทางธุรกิจของผู้ส่งออกและจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2564 นี้

นอกจากนี้ จะมีการสร้างแพลตฟอร์มเพื่อร่วมมือกันในอนาคตมากขึ้นในประเด็นการต่อสู้กับอาชญากรรม ด้านพลังงาน และการแชร์ข้อมูลข่าวสารระหว่างกัน

ความตกลงดังกล่าวจะส่งผลต่อมิติทางการเมืองและเศรษฐกิจ อาทิ ระบบตรวจคนเข้าเมืองจะมีการตรวจเช็คผู้ที่เข้าประเทศอังกฤษ จากที่เคยเข้าได้อย่างเสรีเป็นอันยุติ นายกรัฐมนตรี Boris Johnson ระบุว่า ความตกลงดังกล่าวจะมีการเคารพอำนาจอธิปไตยในพรมแดนระหว่างกันมากยิ่งขึ้น

ด้าน Pascal Lamy อดีตผู้อำนวยการองค์การค้าโลก (WTO) เคยกล่าวไว้ว่า นี่จะเป็นการเจรจาทางการค้าครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่เริ่มด้วยการค้าเสรีแต่จะมุ่งเป้าไปที่ข้อจำกัดด้วย

ที่มา – Financial Times, The Guardian

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา