หลังจากการควบรวมกิจการกับ Uber ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สำเร็จ ทำให้ผู้ก่อตั้งของ Grab มั่นใจว่าในปีหน้า บริษัทจะมีรายได้เพิ่มเป็นสองเท่า และรวมไปถึงรายได้จากธุรกิจใหม่ๆ ด้วย
Hooi Ling Tan ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งของ Grab มั่นใจว่ารายได้ของบริษัทจะมากขึ้นเป็นสองเท่าในปี 2019 โดยได้ปัจจัยมาจากการควบรวมกิจการกับ Uber ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมไปถึงรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาใหม่จากการเช่าจักรยาน หรือแม้แต่กระเป๋าเงินดิจิทัล ฯลฯ ปัจจุบันบริษัทมีรายได้แตะ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐไปแล้ว
ภายในปีนี้ Grab ยังตั้งเป้าที่จะระดมทุนครั้งใหม่อีก 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยก่อนหน้านี้บริษัทพึ่งได้เม็ดเงินก้อนใหม่มาจาก Toyota มูลค่ากว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อที่จะต่อสู้กับคู่แข่งอีกรายจากอินโดนีเซียอย่าง Go-Jek ที่พึ่งขยายกิจการมายังประเทศอื่นๆ เช่น ไทย เวียดนาม หรือแม้แต่ ฟิลิปปินส์
เพิ่มรายได้ใหม่ๆ
บริษัทยังตั้งเป้าที่จะมีรายได้จากธุรกิจใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น ส่งผักผลไม้หรือวัตถุดิบทำอาหาร ด้านการเงิน หรือแม้แต่การร่วมมือกับ Good Doctor ในเรื่องของสุขภาพ ซึ่ง Tan มองว่าเรื่องเหล่านี้เทคโนโลยีสามารถเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตประจำวันได้
นอกจากนี้ Grab เตรียมเพิ่มบริการใหม่ๆ ในอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นฐานของ Go-Jek อีกด้วย คาดว่าปีนี้รายได้จากประเทศอินโดนีเซียเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
เรารู้ว่าเราผิดพลาด!
หลังจากการควบรวมกิจการกับ Uber ทำให้เกิดความวิตกกังวลว่า Grab เป็นผู้เล่นรายเดียวในตลาด ทำให้ไม่มีการแข่งขันระหว่างกัน ทำให้ผู้บริโภคเสียประโยชน์ รวมไปถึงปัญหาที่เกิดขึ้นแล้วเช่น เรียกรถได้ช้า คนขับขอยกเลิกเวลาจองรถ หรือแม้แต่การตัดเงินไปเลย ฯลฯ
Tan ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า การพูดถึงปัญหาหลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วเป็นเรื่องง่ายมาก เรารู้ว่าเราผิดพลาด และเรากำลังเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้อยู่ เราจะลงทุนเพื่อที่จะเรียนรู้ในเรื่องเหล่านี้
ที่มา – Bloomberg
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา