GM เตรียมปลดพนักงานอีก 4,000 ตำแหน่ง เพื่อเดินหน้าเปลี่ยนแปลงองค์กรเต็มกำลัง

กลายเป็นข่าวใหญ่ในวงการรถยนต์อีกแล้ว หลัง GM เตรียมปลดพนักงานอีก 4,000 ตำแหน่ง ต่อเนื่องจากเดือนพ.ย. 2561 ที่ปลดไปหลักหมื่น เพราะต้องการเปลี่ยนแปลงองค์กรรับภาพรวมอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ไม่เหมือนเดิม

รถยนต์
พนักงานประกอบรถยนต์ // ภาพ pexels.com

ไม่ใช่ฝ่ายโรงงาน แต่คือพนักงานนั่งโต๊ะ

เมื่อเดือนพ.ย. 2561 ที่ GM ประกาศปลดพนักงานหลายพันตำแหน่งนั้นเกือบทั้งหมดเป็นพนักงานในฝั่งโรงงานตามการปิดโรงงาน 5 แห่งในสหรัฐอเมริกา และแคนาดา แต่การปลดอีก 4,000 ตำแหน่งนี้จะไม่ใช่ฝั่งนั้นแล้ว เพราะคือกลุ่ม White-Collar หรือพนักงานนั่งโต๊ะกินเงินเดือน โดยการแจ้งออกรายบุคคลจะเกิดขึ้นในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า

ในทางกลับกัน การปลดพนักงานครั้งใหม่นี้เกิดขึ้นไปพร้อมกับการรายงานผลประกอบการของ GM ใน 9 เดือนล่าสุดที่ระบุว่าทำกำไรได้หลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ Mary Barra ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ GM ก็ยังยืนยันว่า บริษัทต้องการลดต้นทุนการดำเนินงานเพื่อรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมรถยนต์ที่กำลังจะเกิดขึ้น

Mary Barra
Mary Barra ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม GM // ภาพ GM

“การปลดพนักงานช่วยให้การปรับเปลี่ยนบริษัทไปสู่ความคล่องตัว, ยืดหยุ่น และมีผลกำไรที่ดีขึ้น รวมถึงมีอิสระในการลงทุนสิ่งใหม่ๆ ในอนาคต” Mary Barra ระบุในข่าวประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการปลดพนักงานเมื่อเดือนพ.ย. แต่ถึงจะปลดเยอะ GM ก็เตรียมจ้างพนักงานเพิ่มในฝั่งวิศวกร และผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์ไร้คนขับ

สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมรถยนต์ในขณะนี้กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงสำคัญ 2 เรื่องคือ การขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า และระบบไร้คนขับ ซึ่ง GM ก็มีการลงทุนทั้ง 2 เรื่องอย่างจริงจัง ทั้งการผลิต และจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Bolt และการควบรวมกิจการ Cruise บริษัท Startup ด้านรถยนต์ไร้คนขับเมื่อปี 2559

รถยนต์ไฟฟ้า
รถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Chevrolet Bolt

นอกจาก GM จะมีการปลดพนักงานแล้ว คู่แข่งตลอดกาลในสหรัฐอเมริกาอย่าง Ford ก็มีแผนปลดพนักงานเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะพนักงานหลายพันคนในยุโรปภายในปี 2562 ต่อเนื่องจากการปลดพนักงานในสหรัฐอเมริกาไปกว่า 400 คนในเดือนม.ค. ที่ผ่านมา

สรุป

อุตสาหกรรมรถยนต์นั้นเจอกับการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่เข้ามาเป็นคู่แข่งคนใหม่ ไหนจะค่ายรถยนต์จากประเทศจีนที่ราคาถูก แต่มาพร้อมประสิทธิภาพสูง จึงเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงในลักษณะนี้จะเห็นได้อีก และอาจเป็นฝั่งค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นก็เป็นได้

อ้างอิง // Arstechnica

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา