สู้จีน! G7 ดันโครงการสร้างโลกที่ดีกว่าขึ้นมาใหม่ (B3W) สู้เส้นทางสายไหมจีน (BRI)

ตามที่ก่อนหน้านี้ การประชุม G7 มีประเด็นที่ให้ความสำคัญหลายเรื่องด้วยกัน ทั้งเรื่องโควิดระบาด การเงิน การคลัง การค้า การท่องเที่ยว สภาพภูมิอากาศ แต่เรื่องที่กลุ่ม G7 ให้ความสำคัญมาก คงไม่พ้นเรื่องการรับมือกับจีน

เรื่องที่กลุ่ม G7 ให้ความสำคัญมาก มีตั้งแต่เรื่องผิดต่อหลักสิทธิมนุษยชนที่จีนทำไว้และถูกเปิดโปง ทั้งเรื่องการบังคับใช้แรงงานชนกลุ่มน้อยอุยกูร์ในมณฑลซินเจียงและถูกกักกันอยู่ในค่ายปรับทัศนคติของจีนเอง ซึ่งก็มีการบังคับใช้แรงงานทั้งในอุตสาหกรรมสิ่งทอและพลังงานแสงอาทิตย์ รวมถึงการหาแหล่งต้นตอโควิดระบาดที่ผ่านมาปีกว่าแล้ว ก็ยังหาคำตอบที่ชัดเจนไม่ได้เสียที

แน่นอนว่าเรื่องนี้จีนปฏิเสธว่ามีการกักกันชาวอุยกูร์แต่เรียกการกระทำดังกล่าวว่าอยู่ในโครงการลดความยากจนของจีน ส่วนเรื่องโควิดระบาด จีนก็ยืนยันว่าได้เปิดโอกาสให้ทีมองค์การอนามัยโลกลงพื้นที่จีนเพื่อตรวจสอบหาที่มาของโรคระบาดไปแล้ว แม้ว่าก่อนหน้าที่เจ้าหน้าที่จะลงพื้นที่จะเต็มไปด้วยอุปสรรคในการลงพื้นที่และใช้เวลาเจรจายาวนานกว่าหนึ่งปี ทีม WHO ถึงจะลงพื้นที่ได้ก็ตาม

G7
ภาพจาก Boris Johnson, United Kingdom PM

จีนมีเส้นทางสายไหม (BRI) กลุ่ม G7 ก็มี B3W

ล่าสุด กลุ่มผู้นำ G7 (แคนาดา, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี, ญี่ปุ่น, อังกฤษและสหรัฐอเมริกา) เห็นตรงกันว่าจะลงทุนโครงสร้างพื้นฐานใหม่เพื่อต้านการขยายอิทธิพลของจีนในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาผ่านโครงการ Belt and Road ท่าทีของจีนดังกล่าว ทำให้อิทธิพลของจีนเพิ่มขึ้นทั้งในอินโด-แปซิฟิกและแอฟริกา เหล่านี้ทำให้กลุ่มประเทศร่ำรวยภายใต้ระบอบการปกครองประชาธิปไตยรู้สึกกังวล จึงนำมาสู่การสร้างหุ้นส่วนพันธมิตรใหม่ภายใต้กรอบ Build Back Better World (B3W) หรือโครงการสร้างโลกที่ดีกว่าขึ้นมาใหม่ ด้านทำเนียบขาวเองก็เผยแพร่ fact sheet ที่เป็นรายละเอียดเกี่ยวกับกรอบความร่วมมือใหม่นี้และในการประชุมสุดยอดผู้นำก็เห็นด้วยกับกรอบความร่วมมือดังกล่าว

ภายใต้ข้อริเริ่มสร้างโลกที่ดีกว่าขึ้นมาใหม่ (B3W) นี้จะเน้นไปที่การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในประเทศที่มีรายได้น้อยและได้ปานกลาง เป็นกลไกสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนค่านิยมหลักที่กลุ่ม G7 ยึดถือ มีมาตรฐานสูง โปร่งใส เน้นไปที่กลุ่มประเทศที่มีระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย อาจกล่าวได้ว่า B3W คือเครื่องมือเปลี่ยนโลกที่แบ่งขั้วระหว่างประเทศนิยมประชาธิปไตยซึ่งเป็นขั้วตรงข้ามกับจีน

จีนใช้กลไก Belt and Road Initiative (BRI) สานสัมพันธ์กับมิตรประเทศที่ถูกมองว่าขาดความโปร่งใส มีการใช้แรงงานและสภาพแวดล้อมที่มาตรฐานแย่ บ่อยครั้งที่หลายชาติต่างเคลือบแคลงโครงการดังกล่าวของจีน มีหลายครั้งที่จีนถูกตั้งคำถาม ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยเงินกู้จำนวนมหาศาลจนมากเกินกว่าที่ประเทศกู้ยืมจะหาทางใช้คืนในระยะเวลาอันรวดเร็ว จนในที่สุดจีนก็รับช่วงดูแล บริหารโครงการที่ปล่อยกู้แทนเจ้าของประเทศเสียเอง

G7
(Photo by Leon Neal – WPA Pool/Getty Images)

โครงการวัดใจ: สร้างโลกใหม่ที่ดีกว่า จะแทนที่ เส้นทางสายไหมจีนได้ไหม?

เรื่องการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในประเทศที่มีรายได้ปานกลางและรายได้น้อยนั้น Boris Johnson นายกรัฐมนตรีอังกฤษระบุว่า สิ่งนี้สัมพันธ์โดยตรงกับเรื่องลดการปล่อยพลังงาน การฟื้นฟูธรรมชาติ การสร้างงาน และการทำให้เศรษฐกิจเติบโตในระยะยาว เขาบอกว่าชาติประชาธิปไตยต้องช่วยกันรับผิดชอบในการให้ความช่วยเหลือประเทศที่กำลังพัฒนาสานประโยชน์จากโครงการเหล่านี้

สำหรับทุนที่จะลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในประเทศกำลังพัฒนานั้น สหรัฐอเมริกาประเมินไว้ว่าน่าจะมีมูลค่าราว 40 ล้านล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 1,245 ล้านล้านบาท โครงการ B3W นี้เป็นโครงการที่มีประเทศอังกฤษและสหรัฐอเมริกามีบทบาทนำในการขับเคลื่อน

จากเอกสาร Fact sheet ของทำเนียบขาวระบุว่า โครงการ B3W (Build Back Better World) นี้จะมุ่งเป้าให้ความสำคัญ 4 เรื่องด้วยกัน นั่นคือเรื่องวิกฤตสภาวะอากาศ เรื่องสุขภาพและความมั่นคงทางสุขภาพ เรื่องเทคโนโลยีดิจิทัล และความเท่าเทียมทางเพศและความเสมอภาค นอกจากโครงการ B3W การลงทุนครั้งใหญ่ในประเทศกำลังพัฒนาจะกินอาณาบริเวณตั้งแต่ลาตินอเมริกา แคริบเบียน แอฟริกา ไปจนถึงอินโด-แปซิฟิก เรียกได้ว่าเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ครอบคลุมประเทศรายได้ปานกลางและรายได้ต่ำทั่วโลก

การที่สหรัฐฯ มีบทบาทนำในการขับเคลื่อน B3W สหรัฐฯ ระบุว่าจะระดมกำลังอย่างเต็มศักยภาพเพื่อพัฒนาเครื่องมือทางการเงิน ซึ่งก็รวมถึงหน่วยงานพัฒนาการเงินของสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็น USAID, EXIM, องค์การมิลเลนเนียมแชลเลนจ์ (องค์กรอิสระทางการเงินของสหรัฐ), องค์การการค้าและพัฒนาสหรัฐ, กองทุนให้คำปรึกษาด้านการดำเนินการ Biden ตั้งเป้าจะลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศตามแผน American Jobs Plan และสร้างโอกาสใหม่ๆ ในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในต่างประเทศให้สหรัฐและสร้างงานในประเทศไปในคราเดียว

ที่มา – Nikkei Asia, White House

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา