Frugality เทรนด์ทำงานใหม่ ค่าตอบแทนลดลง ชั่วโมงทำงานน้อยลง มีเวลาว่างมากขึ้น

มาอีกแล้ว “Frugality” เทรนด์การทำงานรูปแบบใหม่ ที่มีแนวโน้มจะมีทิศทาง Work-Life Balance มากขึ้น

Frugality-new-trend-of-Work-Life-Balance-c

โลกหลังการลาออกครั้งใหญ่ (Great Resignation) เข้าสู่การ Quiet Quitting ตอนนี้คือ Frugality แล้ว คือลดชั่วโมงการทำงานลง ยอมรับค่าตอบแทนน้อยลงได้และมีความสุขกับการใช้เวลาว่างมากขึ้น เทรนด์ใหม่นี้คนทำงานบอกว่าคุ้มค่าที่จะแลกมา

ตัวอย่างจาก Marie Crespin บอกว่าเธอใช้ชีวิตที่ประหยัดมากขึ้น หลังจากที่เธอลาออกจากงานด้านทรัพยากรบุคคลที่ทำให้เธอค่อนข้างเครียดมาก จากนั้นเธอก็หันมาทำงานด้านออกแบบเว็บไซต์ อาศัยอยู่ในฝรั่งเศส จากที่เคยมีรายได้ 2,300 ยูโรหรือประมาณ 84,000 บาทต่อเดือนก็ลดลงเหลือ 1,600 ยูโรหรือประมาณ 58,000 บาทต่อเดือน เธอทานอาหารนอกบ้านน้อยลง สวมเสื้อผ้ามือสองมากขึ้น แต่ก็ลดชั่วโมงการทำงานจาก 40 ชั่วโมงเป็น 20-25 ชั่วโมงต่อสัปดาห์

Crespin บอกว่า งานไม่ควรจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของคุณ การมีอิสระที่ได้ทำในสิ่งที่คุณต้องการต่างหากคือความหรูหราที่แท้จริง แม้ว่าจะมีการลาออกเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่ก็ยังมีความต้องการอยู่มากเช่นกันโดยเฉพาะตลาดแรงงานในสหรัฐอเมริกา อีกทั้งคนลาออกในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาก็ลดจำนวนลงด้วย อย่างไรก็ดีมีผลสำรวจด้านการทำงานจากเว็บไซต์หางาน FlexJobs เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา พบว่า คนจำนวน 2 ใน 3 ระบุว่ามีความต้องการค่าตอบแทนลดลงเพื่อจะพัฒนาชีวิตและการทำงานให้เกิดสมดุลมากขึ้น

เรื่องนี้ Celine Marty นักเขียนหนังสือเรื่อง Working Less to Live Better และนักวิจัยจาก French University Sciences ให้ความเห็นว่า โรคระบาดทำให้ผู้คนตระหนักแล้วว่า การทำงานไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิตและไม่ใช่จุดจบของชีวิต บางคนก็พบว่า พวกเขาสามารถใช้จ่ายน้อยลงได้ ไม่จำเป็นต้องทำงานหนักขนาดนั้น และหันมาสนุกกับการใช้ชีวิตที่สะดวกสบายมากขึ้น

หลายคนเห็นพ้องในการหันมาใช้ชีวิตที่มีค่าตอบแทนจากการทำงานน้อยลง ขณะเดียวกันก็ทำงานน้อยลงทั้งในแง่ลดชั่วโมงการทำงาน ลดวันทำงาน ทำให้มีเวลาว่างในการใช้ชีวิตมากขึ้น

ที่มา – Bloomberg

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา