Alan Joyce ซึ่งเป็น CEO ของ Qantas Airway ชี้ให้เห็นว่าถ้าหากนำมาตรการ Social Distancing มาใช้บนเครื่องบินจริงๆ ราคาตั๋วเครื่องบินอาจพุ่งได้ถึง 8-9 เท่าจากราคาปัจจุบัน
Alan Joyce ซึ่งเป็น CEO ของ Qantas Airway สายการบินใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย กล่าวว่า หากสายการบินนำมาตรการเว้นระยะห่างหรือ Social Distancing มาใช้ในอุตสาหกรรมการบินแล้ว ราคาตั๋วเครื่องบินอาจพุ่งสูงกว่าเดิมได้ถึง 8-9 เท่าจากราคาตั๋วในช่วงก่อน COVID-19
- นักวิจัย Harvard ชี้ Social Distancing จะอยู่กับเราไปจนถึงปี 2022 หรือจนหาวัคซีนได้
- IATA คาดปริมาณการบินจะกลับมาเป็นปกติหลัง COVID-19 ต้องรอถึงปี 2023 เป็นอย่างน้อย
- Boeing ชี้อุตสาหกรรมการบินทั่วโลกต้องใช้เวลา 2-3 ปีถึงจะฟื้นตัวกลับมาก่อนวิกฤติ COVID-19
CEO ของ Qantas Airway ชี้ให้เห็นว่าเครื่องบินขนาด 128 ที่นั่ง ถ้าหากเว้นที่นั่งเพียงแค่แถวที่นั่งตรงกลางเขาคาดว่าค่าโดยสารอาจเพิ่มเพียงแค่ 50% แต่ปัญหาคือที่นั่งตรงกลางที่เว้นมีระยะเพียงแค่ 0.6 เมตรเท่านั้น แต่ถ้าหากจะต้องเว้นที่นั่งให้ห่างกันคือ 1.5 เมตร ตามมาตรฐานสุขอนามัยที่ใช้อยู่ อาจมีผู้โดยสารที่อยู่ในเครื่องบินเหลือเพียงแค่ 22 ที่นั่งเท่านั้น ซึ่งเขาชี้ว่าการใช้มาตรการเว้นระยะห่างในเครื่องบินนั้นเป็นเรื่องที่ไม่คิดว่าจะดีเท่าไหร่นัก
หลังจากที่สายการบินต่างๆ ทั่วโลกเริ่มทยอยกลับมามีเที่ยวบินบ้างแล้ว แต่เงื่อนไขในการบินขึ้นอยู่กับหน่วยงานกำกับดูแลด้านการบินของประเทศนั้นๆ เช่น ในไทยคือผู้โดยสารต้องใส่หน้ากากตลอดเวลา ไม่มีการให้บริการอาหารและเครื่องดื่ม ขณะที่สายการบินในมาเลเซีย หรืออินโดนีเซีย คือ ต้องมีที่นั่งเว้นไว้ครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้โดยสาร
อย่างไรก็ดีหลายๆ ประเทศกำลังพิจารณาการเว้นที่นั่งตรงกลาง เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ COVID-19 นั้น ด้านของสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ หรือ IATA กลับไม่เห็นด้วยกับแนวความคิดดังกล่าว โดยมองว่าผู้โดยสารควรใส่หน้ากากปกป้องละอองฝอย หรือที่เรารู้จักกันดีว่า Face Shield ขณะที่พนักงานต้อนรับควรที่จะใส่หน้ากากอนามัย นั้นเป็นแนวความคิดที่ดีกว่าการเว้นที่นั่งตรงกลาง
นอกจากนี้ CEO ของ Qantas เองยังคาดการณ์ว่าปริมาณผู้โดยสารหลังจากมีมาตรการป้องกัน COVID-19 จะกลับมาอยู่ที่ประมาณ 40-50% ก่อนเหตุการณ์ COVID-19 แพร่ระบาด ซึ่งเขาคิดว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ และ Qantas เองมีแผนที่จะลดราคาตั๋วเครื่องบินเพื่อจูงใจอีกทางด้วย
ที่มา – Al Jazeera, The Guardian
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา