Ferrari กำไรลด 60% ในไตรมาส 2 พร้อมปรับเป้ายอดขายปีนี้ลดลงเล็กน้อย

COVID-19 สร้างความเสียหายให้กับผู้ผลิตรถยนต์ทุกราย ไม่เว้น Ferrari แบรนด์รถยนต์หรูที่ผู้ซื้อส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องกำลังซื้อมากนัก เพราะล่าสุด EBITDA ในไตรมาส 2 ของ Ferrari ลดลงถึง 60%

ferrari
Ferrari รุ่น Portofino

กำไรลด แต่ยอดจองยังดีอยู่

Ferrari ได้รายงานผลประกอบการในไตรมาส 2 ของปี 2563 ว่า ด้วยยอดขายในเดือนเม.ย.-มิ.ย. ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรค COVID-19 ทำให้การผลิตมีปัญหา, การทำตลาดร่วมกับแบรนด์ต่างๆ ไม่เกิดขึ้น รวมถึงรายได้จาก F1 และการจำหน่ายสินค้าเกิดขึ้นไม่ได้

EBITDA หรือกำไรก่อนจะหักค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย, ภาษี, ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย จึงลดลง 60% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เหลือ 124 ล้านยูโร ใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ และจากผลลัพธ์นี้ทำให้ Ferrari ปรับเป้า EBITDA ทั้งปี 2563 ลงเหลือ 1,075-1,125 ล้านยูโร จากเดิม 1,050-1,200 ล้านยูโร

ส่วนเป้ายอดขายปี 2563 ทาง Ferrari มีการปรับลงเล็กน้อยเช่นกัน จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ 3,400-3,600 ล้านยูโร เหลือ 3,400 ล้านยูโร แสดงให้เห็นถึงปัญหาในการทำธุรกิจปี 2563 ที่มีโรค COVID-19 ระบาดนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะผ่านไปได้

“ยอดสั่งจองยังเพิ่มขึ้นเป็น Double Digit เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ชี้ให้เห็นว่า Ferrari ยังเป็นที่ต้องการของตลาด” Louis Camilleri ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Ferrari กล่าว และในสิ้นปีนี้ Ferrari จะเปิดตัว Supercar 2 รุ่นใหม่ รวมถึงในปี 2564 จะมีการเปิดตัวอีกอย่างน้อย 1 รุ่นด้วย

สรุป

ยอดรายได้ของ Ferrari อาจพิสูจน์ไม่ได้ว่า COVID-19 ส่งผลกระทบถึงกลุ่มที่ซื้อ Supercar ได้สบายๆ แต่ก็ชี้ให้เห็นว่า พวกเขาระมัดระวังมากขึ้น และตัว Ferrari เองอาจยังทำได้ไม่ดีพอ เพราะปัจจัยการซื้อรถยนต์ตอนนี้เริ่มมีความเป็นรถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาเป็นตัวแปร ซึ่ง Ferrari ยังไม่จริงจังกับเรื่องนี้มากนัก

อ้างอิง // Reuters

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา