โดน Facebook ซ้อมรอบก่อน อาจไม่ตาย แต่ลองอ่านนโยบายใหม่รอบนี้ก่อน อาจตายได้

พายุลูกใหญ่จาก Facebook ระลอกที่สอง มาพร้อมกับนโยบายที่ประกาศต่อจากการลด Reach ครั้งใหญ่ โดยระบุว่า ต่อจากนี้ห้ามเพจโพสต์เนื้อหาที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือร่วมสร้างกันมา และถ้าใครไม่ทำตาม อาจสั่งปิดเพจไปเลยก็ได้

Facebook
Photo: Shutterstock

การเปลี่ยนแปลงอัลกอริธึ่มครั้งใหญ่บน News Feed ของ Facebook เมื่อต้นปี 2018 ทำเอาสื่อ เพจ และแบรนด์ต่างๆ เผชิญกับความยากลำบากในการทำธุรกิจ นอกจากนั้นค่าโฆษณาไตรมาสที่ผ่านมาของ Facebook ยังแพงขึ้นถึง 35% แน่นอนว่าต้องหาทางออกใหม่ๆ ไว้เป็นแผนสำรอง เช่น ไปเน้นบน Twitter มากขึ้น

ถ้าคิดว่า Facebook ลด Reach กระอักเลือดแล้ว ลองอ่านนโยบายใหม่

นโยบายของ Facebook ที่ปรับปรุงครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 25 มกราคมที่ผ่านมา ในหัวข้อ “นโยบายเนื้อหาที่มีแบรนด์” ระบุไว้ว่า

  • เพจและโปรไฟล์ Facebook และบัญชีผู้ใช้ Instagram ที่สามารถใช้เครื่องมือเนื้อหาที่มีแบรนด์ได้จะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดต่อไปนี้
1. อย่าใส่โฆษณาก่อน คั่นกลาง หรือหลังเนื้อหาวิดีโอหรือเสียง
2. ห้ามใส่โฆษณาแบบแบนเนอร์ไว้ในวิดีโอหรือรูปต่างๆ
3. ห้ามใส่โฆษณาปะหน้าไว้ภายในช่วงสามวินาทีแรกของวิดีโอ โฆษณาคั่นที่ไม่ได้อยู่ในช่วงสามวินาทีแรกของวิดีโอ เช่น โฆษณาคั่นกลางหรือโฆษณาต่อท้าย จะต้องมีความยาวต่อเนื่องไม่เกินสามวินาที และต้องไม่อยู่ใน Facebook Stories และ Instagram Stories
4. เพจของรายการโชว์ต้องไม่มีเนื้อหาที่มีแบรนด์เป็นโลโก้รายการหรือในวิดีโอตัวอย่าง
5. อย่าใช้เครื่องมือเนื้อหาที่มีแบรนด์เพื่อแท็กเพจ แบรนด์ หรือพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจโดยไม่ได้รับความยินยอมล่วงหน้า
6. อย่ายอมรับสิ่งที่มีค่าใดๆ เพื่อโพสต์เนื้อหาที่คุณไม่ได้สร้างหรือไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการสร้าง หรือไม่ได้มีคุณอยู่ด้วย
7. คุณต้องปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่บังคับใช้ รวมทั้งตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้เปิดเผยสิ่งที่จำเป็นทั้งหมดต่อผู้ใช้งาน Facebook หรือ Instagram เช่น การเปิดเผยที่จำเป็นต่อการระบุลักษณะเชิงพาณิชย์ของเนื้อหาที่คุณโพสต์
Facebook
Photo: Shutterstock

นโยบายใหม่อาจทำให้ บางเพจต้องล้มหายตายจาก เพราะทำธุรกิจไม่ได้

นโยบายที่กำลังสร้างปัญหาใหญ่คือ ข้อ 6 ที่ระบุว่า “อย่ายอมรับสิ่งที่มีค่าใดๆ เพื่อโพสต์เนื้อหาที่คุณไม่ได้สร้างหรือไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการสร้าง หรือไม่ได้มีคุณอยู่ด้วย”

ในต่างประเทศ เว็บไซต์ข่าวออนไลน์ Diply กำลังประสบปัญหาหนัก เพราะกำลังจะขาดรายได้ครั้งใหญ่

จากข้อมูลระบุว่า traffic ของ Diply บน Desktop มาจาก Facebook ถึง 85% และที่สำคัญคือ Diply ใช้วิธีกระจายคอนเทนต์ด้วยการจ้างเพจต่างๆ บน Facebook โพสต์เนื้อหา

  • แต่หลังจากนี้ ถ้าต้องปฏิบัติตามนโยบายใหม่ของ Facebook จริงๆ ก็หมายความว่า การกระทำแบบเดิมของ Diply จะผิดกฎของ Facebook อย่างแน่นอน
  • แต่ไม่ต้องรอให้ผิดกฎ เพราะหลายๆ เพจบน Facebook เริ่มส่งสัญญาณมาบอก Diply แล้วว่า จะเลิกโพสต์คอนเทนต์ของ Diply แม้ว่าจะจ้างให้ทำก็ตาม

สรุปนโยบายใหม่ Facebook แบบเข้าใจง่าย

สรุปก็คือ ตามนโยบายใหม่ของ Facebook (โดยเฉพาะข้อ 6) ระบุว่า นับตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมนี้เป็นต้นไป หากเพจใดโพสต์คอนเทนต์ที่ไม่ได้ทำขึ้นมาด้วยตนเอง Facebook จะมีมาตรการไล่ระดับ ตั้งแต่ทำการแจ้งเตือน ไปจนถึงสั่งปิดเพจนั้นๆ ไปเลยก็ได้

ถือเป็นพายุลูกใหม่ของ Facebook ที่เริ่มส่งผลกระทบในต่างประเทศแล้ว แต่เอาเข้าจริงนโยบายนี้น่าจะมีปัญหาอยู่บางประการ เช่น Facebook จะรู้ได้อย่างไรว่า เพจ-แบรนด์-สื่อ หรือเจ้าของ Facebook รายนั้นๆ โพสต์คอนเทนต์จากแหล่งอื่นที่ไม่ได้ทำเอง เพราะอาจจะโพสต์เนื่องจากเป็นความชอบส่วนตัว ไม่ได้ถูกจ้างมาก็ได้

แต่ถึงที่สุดแล้ว เชื่อว่า Facebook จะหาวิธีมาจัดการได้อย่างแน่นอน ที่สำคัญที่สุดคือ คนทำเพจ แบรนด์ และสื่อต่างๆ ขอให้เตรียมตัวกันไว้ดีๆ ก็แล้วกัน

***หมายเหตุ (แก้ไขเนื้อหาเพิ่มเติม 16 กุมภาพันธ์ 2018) นโยบายเนื้อหาที่มีแบรนด์ หรือ Branded Content ไม่ใช่การโพสต์แบบปกติ แต่เป็นการโพสต์ที่ใช้เครื่องมือเนื้อหาที่มีแบรนด์ ลองอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่

อ้างอิง – FacebookDigiday

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา