Epson โชว์แกร่ง ยอดขายโต 8% สวนกระแสเศรษฐกิจ

Epson ประเทศไทย เปิดเผยผลประกอบการยอดขายปีงบประมาณ 2566 โตขึ้น 8% ท่ามกลางตลาดสินค้าไอทีถดทอยลงกว่า 10% ผลจากบริษัทฯ ปรับกลยุทธ์เน้นเจาะกลุ่ม B2B รับเศรษฐกิจไทยชะลอตัว แต่คาดจะไม่ต่ำกว่านี้แล้ว

ยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยภาพรวมของผลประกอบการ Epson ประเทศไทย พบว่ามียอดขายประมาณการปีงบประมาณ 2566 (1 เมษายน 2566 – 31 มีนาคม 2567) เติบโตขึ้น 8% สวนทางกับตลาดไอทีโดยรวมที่ติดลบจากปีก่อนหน้านี้ประมาณ 10% เป็นผลมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังช้า หนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงขึ้น รวมไปถึงการจับจ่ายใช้สอยของกลุ่มผู้มีรายได้น้อย-ปานกลางที่ลดลง ระวังการใช้จ่ายมากขึ้น

“ยอดขายที่โตขึ้นสวนตลาดนั้น ปัจจัยหลักๆ 2 ประการคือ การที่บริษัทฯ ได้หันมาโฟกัสกลุ่มลูกค้า B2B มากขึ้นในตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากมองว่าตลาดกลุ่มนี้มีความต้องการต่อเนื่อง ไม่ผันผวนเหมือนกลุ่ม B2C ที่แปรผันจากสภาวะเศรษฐกิจเป็นหลัก อีกประการคือเราเพิ่มไลน์อัพสินค้า และบริการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ทำให้มีลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ เข้ามา ลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาสินค้ากลุ่มเดิม”

กลุ่มสินค้า B2B โตขึ้นอย่างโดดเด่น

สำหรับกลุ่มสินค้าของ Epson ที่เติบโดอย่างโดดเด่น จะเป็นกลุ่มสินค้า B2B เป็นหลัก อาทิ เครื่องพิมพ์ป้ายโฆษณา Epson SureColor S-series ที่เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 37% เป็นผลมาจากทางบริษัทฯ รุกเข้าถึงผู้ประกอบการรายย่อยที่เคยใช้ non brand ที่มีข้อจำกัดในเรื่องเทคโนโลยี คุณภาพ และการบริการ มาเปลี่ยนใช้สินค้าของเรา นอกจากนี้ ยังได้แรงหนุนจากการจัดกิจกรรมการตลาดและโปรโมชั่นพิเศษที่เพิ่มขึ้นของศูนย์การค้าและโรงแรมต่างๆ บวกกับปัจจัยด้านการท่องเที่ยว นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ และการเลือกตั้ง 66 ที่ทำให้สื่อโฆษณานอกบ้านและสื่อเคลื่อนที่เติบโตขึ้น

สินค้ากลุ่มสแกนเนอร์ ที่เติบโตขึ้น 37% ซึ่งได้รับอานิสงค์จากการที่ พ.ร.บ.การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565 มีผลบังคับใช้ ทำให้หน่วยงานราชการหลายแห่งจำเป็นต้องทำเอกสารดิจิทัล รวมไปถึงธนาคาร ห้องสมุด และสถาบันศึกษาที่ต้องการเก็บข้อมูลถาวรในรูปแบบดิจิทัล และองค์กรธุรกิจที่เริ่มทำงานผ่านระบบเครือข่ายมากขึ้น

สินค้ากลุ่มเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทสำหรับองค์กร เติบโตขึ้น 30% เป็นผลมาจากการชิงส่วนแบ่งจากกลุ่มเครื่องถ่ายเอกสารแบบเดิมๆ โดยเฉพาะระบบเลเซอร์ที่มีค่าใช้จ่ายที่มากกว่า และปลอดภัยจากฝุ่นผงหมึก นอกจากนี้ Epson ยังมีบริการเช่าซื้อเครื่องพิมพ์ในรูปแบบต่างๆ อย่างยืดหยุ่น ไม่ว่าจะเป็นการคิดค่าใช้จ่ายแบบเหมาจ่าย, เช่าเครื่องรายเดือน หรือคิดค่าใช้จ่ายแบบตามจริง ตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น

กลุ่มสินค้าโปรเจคเตอร์ เติบโตเพิ่มขึ้นเกือบ 20% ซึ่งมาจากกลุ่มเลเซอร์โปรเจคเตอร์ความสว่างสูง เช่น รุ่นที่มีความสว่างตั้งแต่ 5,000 ลูเมนขึ้นไปและสามารถเปลี่ยนเลนส์ได้ กลุ่มลูกค้าองค์กรที่ต้องการจอแสดงผลขนาดใหญ่ ใช้ในการเรียนการสอน หรือการประชุมต่างๆ ที่ตอบโจทย์มากกว่าจอ LED TV ทั่วๆ ไป

กลุ่มสุดท้าย คือกลุ่มเครื่องพิมพ์ขนาดเล็ก (Minilab) ที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้น 10% แบบมีนัยนะสำคัญ บ่งบอกถึงพฤติกรรมการใช้งานของผู้บริโถคในกลุ่มธุรกิจรับพิมพ์ภาพขนาดย่อมในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศมาตั้งแต่หลังโควิด โดยเฉพาะอีเวนท์การจัดงานเฉลิมฉลองที่ต้องการภาพถ่ายเป็นระลึก รวมไปถึงการซื้อเครื่องพิมพ์ขนาดเล็กมากขึ้น

สำหรับกลุ่มเครื่องพิมพ์อิงค์แท็งค์มีการเติบโตเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากตลาดปี 2566 มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรงในด้านราคา เพื่อจูงใจผู้บริโภค รวมไปถึงผลกระทบจากกำลังซื้อของกลุ่มกลาง-ล่าง แต่ยังครองตำแหน่งผู้นำตลาดเครื่องพิมพ์อิงค์แท็งค์ไว้ได้ที่สัดส่วน 57% เมื่อธันวาคมที่ผ่านมา จากยอดขายรวมทั้งตลาดประมาณ 700,000 เครื่อง

เปิดตัวเครื่องพิมพ์ขาว-ดำใหม่ เทคโนโลยี Heat-Free

ในงานแถลงข่าวครั้งนี้ ยังได้เปิดตัวเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทขาวดำที่ใช้หัวพิมพ์ Heat-Free Technology ทั้งในกลุ่ม EcoTank และ WorkForce อย่างละ 2 รุ่น เพื่อมาแข่งขันกับเครื่องพิมพ์เลเซอร์ขาวดำโดยเฉพาะ ซึ่งปัจจุบันยังมีกลุ่มผู้ใช้ที่เน้นพิมพ์เอกสารขาวดำอยู่ เช่น สำนักงานบริษัท สถาบันศึกษา โรงพยาบาล เป็นต้น โดยจะเป็นกลุ่มที่ต้องการเครื่องพิมพ์ที่ให้ต้นทุนการพิมพ์ต่อแผ่นต่ำ ความเร็วระดับปานกลาง แต่สามารถรองรับงานปริมาณมากได้

สินค้าใหม่ทั้ง 4 รุ่น ประกอบด้วย เครื่องพิมพ์อิงค์แท็งค์ Epson EcoTank M2050 ที่เป็นรุ่นมัลติฟังก์ชั่น และ Epson EcoTank M1050 ที่เป็นซิงเกิลฟังก์ชั่น มีจุดเด่นที่ราคาไม่สูง ต้นทุนการพิมพ์ต่ำ เพราะชุดหมึกความจุสูงรองรับการพิมพ์ได้มากสุดถึง 6,000 แผ่น ให้งานพิมพ์ที่คมชัดกันน้ำได้ด้วยหมึก DURAbrite ET สามารถเชื่อมต่อได้ทั้ง Wi-Fi, Wi-Fi Direct และ Ethernet มาพร้อมกับการรับประกัน 4 ปี หรือ 50,000 แผ่น

ส่วนเครื่องในกลุ่ม WorkForce ทั้ง 2 รุ่น ได้แก่ Epson WorkForce Pro WF-M5899 เครื่องมัลติฟังก์ชั่น และ Epson WorkForce Pro WF-M5399 เครื่องซิงเกิลฟังก์ชั่น ที่ผสานคุณค่าด้านความยั่งยืนเข้ากับประสิทธิภาพการพิมพ์ได้อย่างลงตัว กินไฟต่ำ ขนาดกะทัดรัด ประหยัดพื้นที่ สามารถพิมพ์ได้เร็ว 25 ipm มาพร้อมกับฟีเจอร์มากมาย เช่น พิมพ์สองหน้าอัตโนมัติความเร็วสูง เชื่อมต่อกับคลาวด์และมือถือได้

รายละเอียดสินค้าเพิ่มเติม: Epson

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา