ติดอาวุธให้ธุรกิจ ควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อมกับ Epson ผู้นำตลาดเครื่องพิมพ์ภายใต้แนวคิด Ecological

ปัจจุบันการทำธุรกิจต้องคำนึงถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมมากกว่าเดิม ทำให้หลายองค์กรเริ่มหาวิธีในการยกระดับเรื่องนี้มากขึ้น จุดนี้เอง Epson แบรนด์เครื่องพิมพ์ชั้นนำจึงเข้ามาตอบโจทย์กระแสดังกล่าวด้วยเครื่องพิมพ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

epson

Ecological ไม่ใช่แค่การพิมพ์ แต่คือแนวคิด

เครื่องพิมพ์ หรือ Printer ที่ใช้ในองค์กรปัจจุบันก็มีสองประเภทคือ InkJet หรือการพิมพ์แบบพ่นหมึก และ Laser ที่ใช้ความร้อน และผงหมึกในการพิมพ์ ซึ่งที่กล่าวมาข้างต้นนั้นไม่ใช่วิธีการพิมพ์แบบใหม่ แต่คือแนวคิดในการทำตลาดเครื่องพิมพ์ในระดับองค์กรของ Epson หลังจากนี้

สำหรับ Ecological ของ Epson นั้น หมายถึง การทำธุรกิจควบคู่ไปกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยยังให้ประสิทธิภาพสูงสุดในแง่ธุรกิจ แต่ก็ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุดไปพร้อมกัน

epson

ดังนั้นการทำตลาดเครื่องพิมพ์ภายใต้แนวคิด Ecological ก็คือการคำนึงถึงการใช้พลังงาน หรือค่าไฟที่เกิดขึ้น อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากการพิมพ์บนกระดาษแต่ละแผ่น และปริมาณวัสดุสิ้นเปลือง รวมถึงของเสียที่เกิดจากการพิมพ์ เช่นชิ้นส่วนสึกหรอ หรือหมึกพิมพ์ที่ใช้งาน

InkJet ที่เหมาะกับแนวคิด Ecological

ทาง Epson เองเลือกทำตลาดเครื่องพิมพ์แนวคิด Ecological ด้วยเครื่องพิมพ์แบบ InkJet และหากไล่ตั้งแต่เรื่องการใช้พลังงาน ตัวเครื่องพิมพ์ Epson แบบ InkJet จะใช้พลังงานน้อยกว่าเครื่องพิมพ์ Laser ถึง 85%* เนื่องจากไม่ต้องใช้ความร้อนสูงเหมือนกับเครื่องพิมพ์ Laser

epson

ขณะเดียวกันในมุมการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์นั้น เครื่องพิมพ์ InkJet ของ Epson ยังปล่อยก๊าซ CO2 น้อยกว่าเครื่องพิมพ์ Laser ถึง 85%** นอกจากนี้ เครื่องพิมพ์ InkJet ของ Epson ยังใช้ขั้นตอนเดียวในการพิมพ์คือพ่นหมึก ต่างกับเครื่องพิมพ์ Laser ที่มีถึง 6 ขั้นตอนกว่าจะพิมพ์ลงบนกระดาษ และถึงจะเป็นเครื่องพิมพ์ InkJet แต่หมึก DURABrite Pro Ink ก็กันน้ำ และไม่มีฝุ่นละอองจากผงหมึกเหมือนเครื่องพิมพ์แบบ Laser

ส่วนเรื่องปริมาณวัสดุสิ้นเปลือง รวมถึงของเสียที่เกิดจากการพิมพ์ เครื่องพิมพ์ InkJet ของ Epson ก็ตอบโจทย์ด้วยการใช้วัสดุสิ้นเปลืองที่น้อยกว่า*** ต่างกับเครื่องพิมพ์ Laser

epson

ตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่ไปกับ Epson

หากอธิบายการใช้งานเครื่องพิมพ์ InkJet ของ Epson ที่มีจุดเด่นเรื่อง Ecological จะได้ว่า เครื่องพิมพ์ InkJet นั้นลดการใช้พลังงานใช้กลไกที่เรียบง่ายทำให้วัสดุสิ้นเปลืองน้อยกว่า แต่ยังมีประสิทธิภาพสูงสามารถพิมพ์ได้สูงสุดถึง 100 หน้า/นาที

ทั้งนี้ตัวเลือกเครื่องพิมพ์ InkJet สำหรับการใช้งานธุรกิจของ Epson นั้นมีให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่เครื่องพิมพ์ Multifunction ที่ใช้ช่องใส่กระดาษเพียงช่องเดียว ไล่ไปจนถึงเครื่องพิมพ์ที่ใช้งานแทนเครื่องถ่ายเอกสารขนาดใหญ่ มีช่องรองรับกระดาษได้หลายช่อง ซึ่งทั้งหมดนี้จะอยู่ในรุ่น WorkForce ที่มีจุดเด่นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการในทุกธุรกิจ ทั้งในเรื่องฟังก์ชั่นการทำงาน ความคุ้มค่า ความสะดวกสบาย และที่สำคัญยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

epson

เมื่อเห็นอย่างนี้แล้วเครื่องพิมพ์ InkJet ของ Epson จึงเป็น The Ecological Choice ของหลายองค์กรธุรกิจที่ต้องการติดอาวุธด้วยเครื่องพิมพ์ประสิทธิภาพสูง และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน ดังนั้นหากองค์กรใดกำลังหาเครื่องพิมพ์ตัวใหม่อยู่แล้วล่ะก็ Epson คืออีกหนึ่งตัวเลือกที่ขาดไม่ได้

สรุป

ปัจจุบันการทำธุรกิจโดยแสวงหาแต่กำไรเพียงอย่างเดียวคงไม่พอ การใส่ใจกับสิ่งแวดล้อมก็เป็นเรื่องที่ผู้บริโภคดึงมาเป็นเหตุผลในการพิจารณาซื้อสินค้าด้วยเช่นกัน เจ้าของธุรกิจควรเรียนรู้ และปรับตัว เพื่อตอบโจทย์ความต้องการทั้งของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อมโลกไปพร้อมๆ กัน

หมายเหตุ

*ทำการทดสอบโดย Keypoint Intelligence-Buyers Lab ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเอปสัน ทดสอบโดยเปรียบเทียบจากเครื่องพิมพ์เลเซอร์สีแบบมัลติฟังก์ชั่นในรุ่น 65-70 หน้าต่อนาที และทำการทดสอบโดยใช้ค่าเริ่มต้นของอุปกรณ์ซึ่งใช้วิธีการทดสอบตามมาตรฐานการใช้พลังงานของ Keypoint Intelligence-Buyers Lab การคำนวณอ้างอิงจากวันทำงานของการพิมพ์ 2 x 4 ชั่วโมงการพิมพ์ + 16 ชั่วโมงในโหมดพักเครื่อง/สแตนด์บาย และการใช้พลังงานในวันเสาร์-อาทิตย์ 48 ชั่วโมงในโหมดพักเครื่อง/สแตนด์บาย รูปแบบการพิมพ์สำหรับการทดสอบงานทั้งหมด 69 หน้าทั้งไฟล์ .doc, .xls, .ppt, .html และ Outlook ถูกพิมพ์ 6 ครั้งในทุกๆ 4 ชั่วโมงของช่วงเวลาการพิมพ์

**การคำนวณค่าการปล่อยก๊าซ CO2 รายปี อ้างอิงจาก JEMAI-LCA Pro การคำนวณอัตราดูดซับก๊าซ CO2 ของต้นCedar อ้างอิงตามมาตรฐานของ Japan Factory Agency คือ CO2 8.8 กิโลกรัม ต่อต้นต่อปี

***ทำการทดสอบโดย Keypoint Intelligence-Buyers Lab ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเอปสัน ทดสอบเปรียบเทียบจากเครื่องพิมพ์เลเซอร์สีแบบมัลติฟังก์ชั่นในรุ่น 65-70 หน้าต่อนาที โดยการคำนวณอ้างอิงจากความถี่ในการเปลี่ยน และปริมาณของวัสดุสิ้นเปลือง รวมไปถึงชิ้นส่วนอะไหล่ที่ใช้ในการพิมพ์กระดาษ 1 ล้านแผ่น (รูปแบบการทดสอบ ISO/IEC 24712) ในระยะเวลา 5 ปี

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

mm
Branded Content เป็นบทความที่ได้รับการสนับสนุนจากสปอนเซอร์