จุดจบหน้าร้าน? ค่ายมือถือญี่ปุ่น จะปิดหน้าร้าน 1 ใน 3 ภายใน 3 ปี หันไปเน้นออนไลน์-เมตาเวิร์สแทน

หรือหน้าร้านกำลังจะถึงจุดจบ? NTT Docomo จะปิดหน้าร้าน 700 สาขา หรือประมาณ 30% ของจำนวนทั้งหมด แล้วหันไปโฟกัสช่องทางออนไลน์-เมตาเวิร์ส

Nikkei Asia รายงานว่า ค่ายมือถือชั้นนำจากญี่ปุ่น NTT Docomo วางแผนปิดหน้าร้านกว่า 700 สาขา หรือประมาณ 30% ของจำนวนหน้าร้านทั้งหมดที่มีอยู่กว่า 2,300 ร้าน ภายในปีงบประมาณ 2025 โดยในปีนี้ตั้งเป้าว่าจะปิดหน้าร้านให้ได้ประมาณ 100 สาขา แล้วหันไปโฟกัสกับการให้บริการผ่านช่องทางออนไลน์-เมตาเวิร์สแทน

สาเหตุของการปิดหน้าร้านครั้งใหญ่ของ NTT Docomo ครั้งนี้ คือการที่จำนวนผู้ใช้บริการที่หน้าร้านลดลงกว่า 30% ตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี 2021 หลังจากบริษัทออกแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตราคาประหยัดที่เปิดให้สมัครแบบออนไลน์ล้วนๆ ซึ่งได้รับความนิยมจากผู้ใช้บริการอย่างมาก

นอกจากนี้ ผู้ใช้สมาร์ตโฟนยังมีแนวโน้มที่จะใช้โทรศัพท์เครื่องเดิมนานกว่าเก่า เปลี่ยนโทรศัพท์น้อยครั้งลง เนื่องจากโทรศัพท์ที่เปิดตัวในระยะหลังมีฟีเจอร์ที่ไม่ได้แตกต่างจากโทรศัพท์รุ่นก่อนหน้ามากนักเหมือนเมื่อก่อน ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งก็มีจากการระบาดที่ทำให้ผู้คนออกจากบ้านน้อยลง

อีกหนึ่งสิ่งที่ต้องพิจารณาก็คือตลาดสมาร์ตโฟนตอนนี้ค่อนข้างซบเซา MM Research Institute ศูนย์วิจัยด้านการตลาดในกรุงโตเกียวชี้ว่า ในปีที่ผ่านมายอดส่งสมาร์ตโฟนในญี่ปุ่นเติบโตแค่ 3% เท่านั้น เทียบกับยุคบูมๆ ในปี 2011 ซึ่งทางค่ายวางจำหน่ายไอโฟนเป็นครั้งแรกแล้วถือว่าห่างกันอย่างมากเพราะในปีนั้นยอดเติบโตได้ถึง 3 เท่าตัว เลยทีเดียว

ผลลัพธ์ก็คือ นอกจาก Docomo จะหันไปดูช่องทางออนไลน์เพิ่มเติมแล้ว ล่าสุดมีข้อมูลว่าทางบริษัทเตรียมตั้ง ‘หน้าร้านเสมือนจริง’ กว่า 10 ร้านสำหรับภูมิภาคต่างๆ ภายในเดือนกรกฎาคม โดยใช้อวตาร์ในการให้บริการลูกค้าบนเมตาเวิร์ส

Yano Research Institute ศูนย์วิจัยด้านธุรกิจในกรุงโตเกียวคาดการณ์ว่าจำนวนผู้สมัครแพ็กเกจผ่านระบบออนไลน์ล้วนๆ จะเพิ่มขึ้นเป็น 24.5 ล้านครั้ง ภายในปี 2023 คิดเป็น 2 เท่าของปัจจุบันเลยทีเดียว

ที่มา – Nikkei Asia

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

บาส รชต สนิท - นักข่าว นักเขียน ที่ Brand Inside | สนใจด้าน Future of Work, สิทธิคนทำงาน, สิ่งแวดล้อม, การเมืองโลก, ปัญหาทุนนิยม และ สิทธิมนุษยชน