ผ่ากลยุทธ์กับ CEO คนใหม่ของ Agoda “Omri Morgenshtern”

ผ่ากลยุทธ์กับ CEO คนใหม่ของ Agoda “Omri Morgenshtern” ในการผลักดันอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย

ประเทศไทยเป็นเมืองที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนโยบายการท่องเที่ยว มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายที่ได้รับความสนใจจากชาวต่างชาติ รวมไปถึงคนไทยเองก็มักที่จะเลือกจองที่พัก หรือ โรงแรม ผ่านช่องทางบนเว็บไซต์ต่างๆที่ปรากฎบนอินเทอร์เน็ต Agoda ก็เป็นหนึ่งในทางเลือกที่ได้รับความสนใจ สำหรับการจองโรงเเรมผ่านเเพทต์ฟอร์มของ Agoda

ซึ่งเมื่อเดือนที่กรกฎาคมที่ผ่านทาง Agoda ได้ คุณออมรี มอร์เกนสเติร์น CEO คนใหม่ของ Agoda เข้ามาบริหาร โดยคุณออรี เปิดเผยว่า การท่องเที่ยวในประเทศเริ่มกลับมาฟื้นตัวขึ้นหหลังจากที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์โควิด19 เห็นได้จากการที่ประชาชนเริ่มกลับมาจองที่พัก จองโรงเเรมที่มีเรทราคาสูง เพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงการจองรถเช่า ก็เช่นกัน 

“เหตุผลที่คนส่วนใหญ่เลือกจองโรงเเรมที่มีเรทราคาสูงนั้น เหตุผลเพราะว่า นโยบายของรัฐบาลที่เข้ามามีส่วนร่วมในการสนับสนุนให้คนในประเทศออกไปท่องเที่ยวมากขึ้น รวมไปถึงเมื่อจองผ่าน  Agoda ในเรทราคานั้นๆ ก็สามารถที่จะยกเลิกการจองที่พักเเละได้รับเงินคืน ลูกค้าส่วนใหญ่ก็เลือกที่จะอัพราคาในการจองที่พัก เพื่อที่จะได้รับสิทธิพิเศษตรงนี้”

สถานการณ์การท่องเที่ยวในประเทศไทย

ตลาดท่องเที่ยวไนประเทศไทยตอนนี้กำลังฟื้นตัวขึ้นเรื่อยๆเมื่อเทียบกับตลาดท่องเที่ยวประเทศอื่นๆในเอเชีย เพราะว่ารัฐบาลมีนโยบายเปิดประทศเเละเชิญชวนให้คนต่างชาติเข้ามาเที่ยวในไทยโดยไม่ต้องกักตัว เเละเมื่อดูจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจเมื่อเทียบกับปี 2019 ที่มีการระบาดของโควิด19 

คนไทยกับการท่องเที่ยวในประเทศเเละต่างประเทศ

ในปี 2022 นี้คนไทยเลือกที่จะท่องเที่ยวในประเทศมากกว่าการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน ฮ่องกง ประเทศเหล่านี้คนไทย มักเลือกจะเดินทางไปเที่ยวเป็นอันดับต้นๆ เเต่ทั้งนี้ประเทศที่คนไทยอยากไปท่องเที่ยวยังคงปิดประเทศอยู่ เเละอีกนัยสำคัญคือ คนเอเชียเองยังไม่เเน่ใจกับสถานการณ์โควิด19 ว่าจะยุติหรือคลี่คลายลงเมื่อไร ยังคงหวั่นกับโรคระบาดที่เกิดขึ้น ซึ่งปัจจุบันคนไทยส่วนใหญ่เลือกที่จะเที่ยวในประเทศ เเละเลือกที่จะเดินทางไปเที่ยวเมืองรอง มากกว่าเมืองที่เป็นเเหล่งท่องเที่ยวซึ่งคนมักจะเดินทางไปกันบ่อยๆ 

ธุรกิจของ Agoda เริ่มกลับมาฟื้นตัว เเต่ผลประอบการยังไม่เท่าปี 2019 

จำนวนยอดจองส่วนใหญ่จะเป็นยอดจองในประเทศมากกว่า เเต่ตัวเลขการจองยังสู้ปี 2019 ไม่ได้ เพราะฉะนั้นในส่วนของเม็ดเงินอาจจะยังไม่สามารถทำเงินได้มากเท่าปี 2019 แต่ธุรกิจของเรามีความอดทนเรามีความมั่นคงทางการเงินเราเชื่อมั่นว่าเราสามารถจ่ายเงินเดือนพนักงานของเราต่อไปอีก 20 ปี เเละเราเชื่อว่าการสร้างความสัมพันธ์กับทางลูกค้าสัมพันธ์กับทั้งตัวโรงแรม ในทางที่ดี ทำให้พวกเขาเชื่อมั่นในธุรกิจของเราก็มั่นว่าตัวเลขหรือผลประกอบการของเราก็น่าจะกลับมาดีกว่าเดิมได้

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา