DHL บุกหนัก พัฒนาศูนย์ใหม่ เพิ่มจำนวนรถบรรทุกสินค้า ติดตั้งเทคโนโลยีใหม่ สร้างงาน 5,000 ตำแหน่งใน 3 ปี

ภูมิภาคอาเซียนได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้ประกอบการธุรกิจยักษ์ใหญ่ทั่วโลก Alibaba กำลังบุกเข้ามา Amazon ก็เริ่มขยับตัว ล่าสุด DHL ที่เริ่มจับมือพันธมิตรกับธุรกิจค้าปลีก ก็เริ่มลงทุนหนักมากขึ้นเพื่อขยายบริการ โดยยึดไทยเป็นฐาน การเคลื่อนไหวต่อไปจึงไม่ธรรมดา

ลงทุน 2.7 พันล้าน ยกระดับธุรกิจ Logistics 4 ประเทศ

บริษัท ดีเอชแอล ซัพพลายเชน จำกัด หรือ DHL หลายคนรู้จักดีในฐานะผู้ให้บริการ Logistics จากเยอรมัน ที่เปิดให้บริการทั่วโลก ล่าสุดประกาศลงทุน 2.7 พันล้านบาท ในระยะเวลา 3 ปีถึงปี 2020 เพื่อยกระดับบริการ Logistics ใน ไทย เวียดนาม กัมพูชา และเมียนมาร์

ถามว่า DHL เอาใจขนาดไหน สำหรับในไทยบริการ Logistics เริ่มแพร่หลายมากขึ้นจากผู้ให้บริการหลายราย เช่น ไปรษณีย์ไทย, SCG Express, Kerry Express, นิ่มซี่เส็ง และอีกหลายราย ช่วงที่ผา่นมาหลายคนเห็น DHL บ่อยมากขึ้น การจะรุกในภูมิภาคนี้ ไทย ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญ

แต่อีกส่วนที่มีผลอย่างมากคือ DHL เป็นผู้ให้บริการ Logistics ต่างชาติ 100% รายเดียวที่ได้รับใบอนุญาตให้ลงทุนระยะยาวในเมียนมาร์ และเตรียมลุยต่อที่กัมพูชา ดังนั้นใน 3 ปีข้างหน้า DHL จะพัฒนาศูนย์ปฏิบัติงานแห่งใหม่ เพิ่มจำนวนรถบรรทุกสินค้า ใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย สร้างงานใหม่อีกกว่า 5,000 ตำแหน่ง

ทั้งหมดเพื่อลุยในตลาดเป้าหมาย 4 ประเทศ

รองรับการขยายตัวของไทย ต่อยอดไปประเทศเพื่อนบ้าน

สำหรับประเทศไทยเอง เควิน เบอร์เรลล์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจประเทศไทย DHL บอกว่า ประเทศไทยมีศักยภาพที่จะเติบโตในอนาคต มีการลงทุนเมกะโปรเจคหลายโครงการ โดยเฉพาะด้านโครงสร้างพื้นฐนาและการคมนาคม โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) แผนการขยายท่าอากาศยาน การขยายถนน และโครงการการขนส่งทางราง ทั้งหมดดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ

และทั้งหมดจะเชื่อมต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะใน 4 ประเทศเป้าหมายของ DHL

จากผลการวิจัยของ KBank ระบุว่า ในปี 2017 มูลค่าของธุรกิจการขนส่งทางบก และคลังสินค้าของไทยจะมีอัตราเติบโตราว 5-7% ความต้องการด้านการขนส่งจะเพิ่มขึ้น นี่คือ โอกาสทางธุรกิจของ DHL ทั้งเรื่องคลังสินค้าและการขนส่ง ซึ่ง DHL มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย และโซลูชั่นที่ครบวงจร นี่คือสิ่งที่สร้างความแตกต่าง

เฉพาะในประเทศไทย ปัจจุบัน DHL สามารถให้บริการได้ครอบคลุมทั่วประเทศ มีคลังสินค้ากว่า 70 แห่ง พื้นที่รวม 650,000 ตร.ม. มีพนักงานกว่า 10,000 คน ใช้เทคโนโลยีทันสมัย เช่น ระบบการทำงานอัตโนมัติและวิทยาการหุ่นยนต์ รถยกสินค้าแบบไร้คนขับ ระบบหยิบสินค้าแบบวิชั่นพิกกิ้ง ศูนย์ปฏิบัติการควบคุมการขนส่งและระบบเทเลมาติกส์

สรุป

DHL ถือเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการระดับโลกที่มีเครือข่ายบริการ Logistics ทั่วโลก การขยายบริการในอาเซียน และเริ่มลงทุนหนักขึ้น เพราะเห็นแล้วว่า ตลาดกำลังขยายตัว ความต้องการกำลังเพิ่มมากขึ้น ด้วยศักยภาพทั้งด้านเงินทุน และเทคโนโลยี DHL มีความได้เปรียบอย่างมาก ผู้ให้บริการในไทยมีจุดได้เปรียบคือ พื้นที่ให้บริการครอบคลุมมากกว่า แต่ก็แกร่งเฉพาะในประเทศ ในเพื่อนบ้านก็ยังไม่เคยออกไปทำตลาด นี่คือ จุดสำคัญที่ต้องเร่งมือ ขยายบริการ หาพันธมิตร ไม่เช่นนั้นยักษ์ใหญ่ระดับโลกอาจกลายเป็นผู้ให้บริการหลักในอนาคต

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา