ใครว่ารถไฟฟ้าต้องราคาสูง DHL เริ่มใช้รถไฟฟ้าสำหรับส่งพัสดุในเยอรมัน

ถ้าจะกล่าวให้ถูก ต้องบอกว่า Deutsche Post DHL Group ซึ่งให้บริการด้านโลจิสติกส์ โดยแบ่งเป็น 2 แบรนด์ใหญ่ คือ Deutsche Post ให้บริการในยุโรป และ DHL ซึ่งให้บริการทั่วโลก

โดยครั้งนี้เป็น Deutsche Post DHL Group หรือเรียกง่ายๆ ว่าเป็น ไปรษณีย์เยอรมันได้ใช้งานรถไฟฟ้าที่ผลิตโดย StreetScooter สตาร์ทอัพของเยอรมันเป็นผู้ผลิต โดยออกวิ่งใช้งานจริงแล้วกว่า 2,500 คันในเยอรมัน และมีแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตจาก 10,000 เป็น 20,000 คันในปลายปีนี้

ใครว่ารถไฟฟ้าทำไม่ได้จริง startup ทำได้

จุดเริ่มต้นจากโพสต์ใน Facebook ของ startup ในเยอรมันนามว่า Lin Sevastian Kayser ที่ระบุว่าในอดีต Deutsche Post ต้องการพัฒนารถไฟฟ้าสำหรับส่งจดหมายและพัสดุ แต่จากการปรึกษากับบริษัทผลิตรถยนต์อย่าง Daimler และ Volkswagen ต่างระบุว่าไม่คุ้มค่าที่จะทำ

ทาง Deutsche Post เลยไปลงทุนในสตาร์ทอัพที่ชื่อ StreetScooter ให้คิดค้นวิจัยและทำการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าต้นแบบ เพื่อการส่งจดหมายและพัสดุขึ้นมา (จนท้ายที่สุด Deutsche Post ก็ซื้อกิจการ StreetScooter ซะเลย) จากโพสต์ดังกล่าวระบุว่า StreetScooter กลายเป็นบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในเยอรมันเวลานี้

ขยายกำลังการผลิตทันที พร้อมจำหน่ายด้วย

สำหรับแนวคิดการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อส่งของ เริ่มจากที่ Deutsche Post DHL Group ต้องการให้บริการโลจิสติกส์ลดการปล่อยมลพิษ และเห็นว่าการใช้รถยนต์ไฟฟ้าเป็นทางออกที่ดี และเริ่มให้บริการในเยอรมัน ก่อนจะขยายไปทั่วยุโรป ซึ่งในปีนี้ได้เพิ่มกำลังการผลิตให้ได้ 20,000 คันแล้ว

นอกจากการผลิตเพื่อใช้สำหรับบริการโลจิสติกส์ ยังมีผู้ให้บริการอื่นๆ ให้ความสนใจสั่งซื้อรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว เช่น บริษัทที่ขนส่งปลา Deutsche See เสนอซื้อรถยนต์ไฟฟ้า 80 คัน หลังจากที่ Volkswagen ปฏิเสธที่จะสร้างรถยนต์ที่ไม่ปล่อยมลพิษ ( zero-emission vehicle)

แสดงให้เห็นว่า ในยุโรปมีความตื่นตัวเรื่องการลดการปล่อยมลพิษอย่างยิ่ง และพร้อมจะเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้ามาแทนที่รถที่ใช้เครื่องยนต์ โดย Deutsche Post DHL Group ประกาศว่าจะเป็นบริษัทโลจิสติกส์รายแรกที่สามารถลดการปล่อยมลพิษเป็น 0 ได้ในปี 2050

Produktion Street Scooter in Aachen

StreetScooter พัฒนารถยนต์ไฟฟ้าหลายขนาด ร่วมมือ Ford เร่งต่อยอด

สำหรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า โมเดลแรกชื่อว่า Work มีขนาดบรรทุกประมาณ 4 ลูกบาศก์เมตร และขนาด Work L บรรทุกได้ 8 ลูกบาศก์เมตร ราคาเริ่มต้นประมาณ 32,000 ยูโร (ประมาณ 1.28 ล้านบาท) โดยมีออปชั่นพิเศษ เช่น อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบพกพา

สำหรับรถขนาดใหญ่ขึ้น Work XL จะมีขนาดบรรทุก 20 ลูกบาศก์เมตร คาดว่าจะเริ่มเสนอตลาดต้นปี 2018 รวมถึงขนาดเล็ก Work S จักรยานไฟฟ้า และ Work M รถสามล้อไฟฟ้า ที่จะพร้อมจำหน่ายด้วยเช่นกัน

ทาง Deutsche Post DHL Group ระบุว่า รถยนต์ไฟฟ้า 2,500 คัน จะให้บริการในเขตเมืองเป็นหลัก และได้ร่วมมือกับ Ford-Werke เพื่อพัฒนาและผลิตแบตเตอร์รี่ ซึ่งถือเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญ และจะนำไปสู่การต่อยอดเพื่อพัฒนาคุณภาพให้ดียิ่งขึ้น

สรุป

การเริ่มต้นใช้รถยนต์ไฟฟ้า อาจจะเห็นข่าวจาก Tesla ที่เริ่มเปิดจองและผลิตรุ่นสำหรับคนทั่วไปที่ราคาเข้าถึงได้มากขึ้น แต่อีกทางหนึ่งที่น่าสนใจคือ การผลิตเพื่อใช้ในกิจการของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ เช่น การขนส่งมวลชน หรือกรณีนี้คือ บริการโลจิสติกส์ ซึ่งสามารถค่อยๆ นำรถยนต์ไฟฟ้ามาทดแทนรถที่ใช้เครื่องยนต์แบบเดิม ในเยอรมันเริ่มและจะขยายไปในยุโรป ส่วนบ้านเรานอกจากยังถกเถียงเรื่องสถานีไฟฟ้าแล้ว ประเด็นอื่นๆ ก็ยังต้องลุ้นกันต่อไป

หรือจริงๆ แล้ว ความยากในการพัฒนาและผลิตรถยนต์ไฟฟ้า คือ การยังไม่เริ่มต้นทำมันจริงๆ

ที่มา – ขอบคุณข้อมูลเบื้องต้นจาก Facebook หมอจิม นายแพทย์ภาณุทัต เตชะเสน, DPDHL, Reuters 

ภาพจาก – DPDHL.com

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา