ความสำเร็จของเพลง Despacito ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่คือสูตรสำเร็จที่ศิลปินตั้งใจใช้ออกมา

ภาพจาก Facebook ของ Luis Fonsi

Despacito สุดยอดเพลงภาษาสเปนแนว Reggaeton-Pop ที่ผสมผสานระหว่างความเป็น Hip-Hop และเสียงร้องสุดกระเส่า พร้อมจังหวะที่โยกตามได้ นั้นได้รับความนิยมไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว แม้ช่วงแรกที่ปล่อย Single ตอนเดือนม.ค. 2560 จะไม่ได้เป็นที่รู้จักมากนัก แต่พอเข้าช่วง Summer ก็กลายเป็นเพลงที่ติดหูของทุกคนไปแล้ว แถมมียอดฟังบน YouTube ถึง 3,400 ล้านครั้ง

และนั่นทำให้ Luis Fonsi กับ Daddy Yankee คู่ศิลปินจากเปอร์โตริโกมีเพลงอยู่ในชาร์ตอันดับต้นๆ ของหลายประเทศโดยที่ไม่รู้ตัว ที่สำคัญส่วนใหญ่ก็คือประเทศที่ไม่ได้ใช้ภาษาสเปนเป็นภาษาหลักในการสื่อสารด้วย แต่ถึงทุกหน้าร้อนของสหรัฐอเมริกา เพลงภาษาสเปนส่วนใหญ่จะติดชาร์ทได้ไม่ยาก แต่จริงๆ แล้ว Despacito มันมีตัวแปรอื่นๆ มากกว่านั้น

4 คอร์ดวนที่ใช้กับเพลงฮิตทั่วโลก

ขณะที่เพลงความยาวประมาณ 3 นาทีครึ่ง แทบจะกลายเป็นมาตรฐานของเพลงหลายๆ แนวไปแล้ว ยังมีอีกเรื่องที่จะพบในเพลงส่วนใหญ่ก็คือ 4 คอร์ดสุดนิยม นั่นก็คือคอร์ด I, IV, V และ vi ซึ่งตัวคอร์ดนี้จะได้ยินจากเพลงของศิลปิน Pop ชั้นนำทั้งไทยเทศมากมาย เพราะสามารถสร้างทำนองออกมาได้ค่อนข้างติดหูได้ง่าย

ถ้าอธิบายให้ลึกกว่านั้นก็คือ ตัวเพลง Despacito ใช้การเรียงคอร์ดด้วย vi, IV, I และ V (คอร์ดที่ 6, 4, 1 และ 5) ภายในคีย์ D หรือคอร์ด Bm, G, D และ A ซึ่งการเรียงคอร์ดนั้นสามารถแปรผันได้ตามคีย์ เช่นเพลงผิดที่ไว้ใจของวง Silly Fools ก็ใช้คอร์ด vi, IV, I และ V เช่นกันในช่วง Verse แรก และทั้งเพลงก็ยังวนอยู่ในคอร์ดดังกล่าว

พลังของของ Justin Bieber ก็ช่วย

ขณะเดียวกันเพลง Despacito ที่เป็นต้นฉบับนั้นมีเพียง Luis Fonsi กับ Daddy Yankee เป็นผู้ร้อง และมันก็ขึ้นไปอยู่ในท็อปของ YouTube ได้ แต่นั่นไม่ใช่เวอร์ชั่นที่นิยมไปทั่วโลก เพราะภายในคลื่นวิทยุนั้นเปิดเวอร์ชั่น Remix ที่มีเสียงของ Justin Bieber เข้ามาร้องท่อนแรกเป็นภาษาอังกฤษให้

ซึ่งจุดนี้เองเหมือนเป็นสูตรสำเร็จในการทำเพลงให้ดังอีกครั้ง ผ่านการนำศิลปิน Pop มาทำงานร่วมกับ Hip-Hop, Rock หรือไม่ก็ Alternative เนื่องจากส่วนผสมดังกล่าวแทบทุกครั้งที่ออกมานั้นไม่ค่อยแป้กเท่าไรนัก ผ่านการเสียงที่น่าจะติดตลาดด้วยศิลปิน Pop กับแนวดนตรีที่น่าจะมีสีสันมากขึ้นจากศิลปินแนวอื่นที่มาร่วม

Justin Bieber // ภาพจาก Facebook Page ของเจ้าตัว

ปัจจัยเรื่องความเป็น Latin ก็มีส่วน

ถ้าสังเกตกันดีๆ เวลากระแสโลกจะนิยมอะไร เหมือนมันจะล๊อคช่วงเวลาเดิมๆ กับเรื่องเดิมๆ เอาไว้ เช่นเรื่องดนตรี ถ้าเป็นหน้าร้อนก็ต้องเป็นเพลงที่สนุกๆ มีสีสันประมาณหนึ่ง โดยเฉพาะแนว Tropical ที่มี Groove ค่อนข้างสนุก พอโยกได้แบบถือแก้วแล้วน้ำไม่หก ซึ่งแนวเพลงแบบนี้ก็คงไม่พ้นดนตรีแนวอเมริกาใต้ ที่มีทั้ง Dance Hall และอื่นๆ ให้เลือกสรรมาประยุกต์

โดยเฉพาะตอนหน้าร้อนของต้นศตวรรษที่ 21 ทั้ง Shakira, Jenifer Lopez, Ricky Martin และ Enrique Iglesias ก็ต่างใช้เพลงแนวนี้สร้างความนิยม ซึ่งปีนี้นอกจาก Despacito ที่เป็นเพลงภาษาสเปนที่ติดชาร์ตแล้ว ยังมี Mi Gente ของ J Babalvin ที่เป็นชาวโคลัมเบีย ติดอันดับ 2 ของยอดการฟังบน Spotify เช่นกัน

สรุป

การจะสร้างเพลงให้ประสบความสำเร็จ ส่วนตัวเชื่อว่าการใช้คอร์ดวน I, IV, V, vi ก็ยังเป็นสูตรสำคัญในการสร้าง ประกอบกับการผสมผสานศิลปินอย่างลงตัวด้วย ส่วนเพลง Despacito จะทำรายได้ให้กับศิลปินขนาดไหนนั้น แค่ไม่นับจำนวนการดาวน์โหลด แค่เอายอดฟังบน YouTube กว่า 3,400 ล้านครั้งก็คงคิดกันไม่หวัดไม่ไหวแล้ว

อ้างอิง // Quartz

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา