ประธานาธิบดีจีน Xi Jinping กล่าวเตือนไปยังสหรัฐฯ และประเทศพันธมิตรตะวันตกว่า อย่ามาเล่นสงครามเย็นใส่กันในขณะที่โลกกำลังเผชิญกับปัญหาร่วมกัน ในแถลงการณ์ความยาวกว่า 20 นาที ในที่ประชุมเสมือนจริงของ World Economic Forum ที่ปกติแล้วจะประชุมกันทุกปีในเมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
เบื้องหน้าเชื้อเชิญให้ร่วมสู้โควิด แต่เนื้อในวิจารณ์สหรัฐอเมริกา
ในที่ประชุม Xi Jinping กล่าวไปยังโลกตะวันตกว่า การสร้างวงทางการเมืองแคบๆ และการก่อสงครามเย็นขึ้นมาใหม่ โดยการจงใจสร้างการแบ่งแยก ขัดขวางการผลิตในห่วงโซ่อุปทานโลก จนไปถึงการคว่ำบาตรทางการค้า ไม่สร้างประโยชน์อะไรเลยนอกจากการผลักให้โลกเข้าสู่การแบ่งฝักแบ่งฝ่าย และร้ายแรงที่สุด อาจนำไปสู่การเผชิญหน้ากัน
จีนส่งสาสน์ไปยังโลกตะวันตกโดยไม่เอ่ยนาม
แถลงการณ์นี้ชัดเจนว่าเป็นการส่งสาส์นไปถึงประธานาธิบดีใหม่ของสหรัฐฯ อย่าง Joe Biden ให้คิดใหม่เรื่องนโยบายกีดกันทางการค้าในแบบของ Donald Trump ซึ่งมีทีท่าว่าจะยังไม่หายไปในเร็วๆ นี้ และยังเป็นการกล่าวกระทบไปถึงการเร่งฟื้นคืนความสัมพันธ์ของสหรัฐฯ กับพันธมิตรดั้งเดิมของตนในเวทีโลก
เขากล่าวต่อไปว่าประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เราได้เห็นว่าไม่มีใครจะได้ประโยชน์จากการเผชิญหน้า ไม่ว่านั่นจะเป็นสงครามเย็น สงครามร้อน สงครามการค้า หรือสงครามเทคโนโลยี
จีนยกเรื่องโควิดกดดันให้สหรัฐฯ หันมาร่วมมือ นัยคือการร่วมมือทางการค้า
Xi Jinping ยกสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 มากดดันว่า การระบาดครั้งนี้กระทบไปทั่วโลกและเป็นเรื่องซับซ้อน แต่ละประเทศควรตระหนักถึงการสื่อสารกันอย่างมียุทธศาสตร์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นระหว่างกัน ทางออกของวิกฤตินี้คือการส่งเสริมความร่วมมือแบบพหุภาคีมากกว่าการสร้างความขัดแย้ง
จีนยกการค้าเสรี-ลดกำแพงภาษีขึ้นเป็นประเด็น เพราะช้ำจากสงครามการค้าพอสมควร
4 ประเด็นที่จีนมองว่าเป็นเรื่องสำคัญ ณ ตอนนี้ คือ
- การร่วมมือด้านนโยบายเศรษฐกิจมหภาค (ที่เสรี)
- ลดอคติทางอุดมการณ์
- ลดช่องว่างระหว่างประเทศพัฒนาและประเทศกำลังพัฒนา
- ความร่วมมือในการจัดการปัญหาระดับโลก เช่น โควิด-19
เขาเรียกร้องให้สหรัฐฯ ลดกำแพงภาษี กำแพงต่อการลงทุน และกำแพงต่อการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีลง และกล่าวว่าจีนมองถึงโอกาสที่จะได้ร่วมมือกับประเทศอื่นมากขึ้น เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจโลกและสร้างความเจริญเติบโตต่อไป
สหรัฐฯ ตอบโต้จีน ประเด็นกำแพงภาษีอาจไม่เปลี่ยนแปลงเร็วๆ นี้
แม้ Joe Biden จะไม่ได้เข้าร่วมการประชุมเสมือนจริงในครั้งนี้ แต่ทางสหรัฐฯ ก็ได้ส่ง Jen Psaki โฆษกประจำทำเนียบขาว ทำหน้าที่ส่งสาส์นจากฝั่งสหรัฐฯ เข้าสู่ที่ประชุมระดับโลก และจากแถลงการณ์แล้ว มีแนวโน้มว่าเราจะยังไม่ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในเรื่องกำแพงภาษีในเร็วๆ นี้
เธอกล่าวว่า ความคิดเห็นของจีนไม่สามารถเปลี่ยนจุดยืนของสหรัฐฯ ได้ ถึงแม้จีนจะเรียกร้องความร่วมมือเรื่องโควิด-19 นั่นเป็นเรื่องหนึ่ง แต่ สหรัฐฯ และจีนยังเป็นคู่แข่งทางยุทธศาสตร์ระหว่างกัน และตอนนี้สหรัฐฯ กำลังอยู่ในบรรยากาศของการแข่งขันที่จริงจังกับจีน
ตอนนี้สหรัฐฯ กำลังศึกษาความเป็นไปได้เกี่ยวกับภาษีของสินค้าจากจีน และอยากจะร่วมมือกับพันธมิตรดั้งเดิมของสหรัฐฯ เพราะจีนมีแนวทางที่เป็นเป็นอำนาจนิยมขึ้นเรื่อยๆ ในเรื่องกิจการภายในประเทศ และยังมีนโยบายที่ก้าวร้าวมากขึ้นในเวทีระหว่างประเทศ
ในขณะที่จีนเรียกร้องการค้าเสรี จีนกลับขโมยเทคโนโลยี ทำลายการค้าเสรีโดยป้องกันบริษัทของรัฐจากการแข่งขัน เข้าแทรกแซงเศรษฐกิจ ตั้งแต่อุตสาหกรรมพลังงานไปจนถึงอุตสาหกรรมโทรคมนาคม
สิ่งที่จีนกระทำ ตรงข้ามกับสิ่งที่จีนพยายามพูดและเรียกร้องในที่ประชุมครั้งนี้
สิ่งที่นักเศรษฐศาสตร์วิเคราะห์สอดคล้องกับสิ่งที่สหรัฐฯ แถลง
Louis Kujis นักเศรษฐศาสตร์จาก Oxford Economics ชี้ว่ายังต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งก่อนที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนในนโยบายทางการค้าและมีการประกาศออกมาอย่างชัดเจน การปกป้องทางการค้าเป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจภายในที่เน้นอุ้มชูชนชั้นกลางและเศรษฐกิจฐานรากของสหรัฐฯ
- นักวิเคราะห์คาดความสัมพันธ์สหรัฐ-จีน จะยังคงเหมือนสมัยทรัมป์
- Biden เดินหน้าผลักดันนโยบาย Buy American กระตุ้นเศรษฐกิจเต็มที่
แม้จุดเน้นในการต่อรองจะเปลี่ยนไปจาก Trump คือแทนที่จะมุ่งลดการขาดดุลทางการค้ากับจีนลง นโยบายเศรษฐกิจในยุค Biden จะเน้นการพูดถึงและเน้นย้ำบทบาทรัฐในพื้นที่ทางเศรษฐกิจมากขึ้น ซึ่งมีใจความสำคัญในเชิงเศรษฐศาสตร์ที่เหมือนกันคือการปกป้องทางการค้ามากขึ้น
ดังนั้นการลดกำแพงภาษีลงกระทันหัน และการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่อาจจะยังไม่ใช่สิ่งที่จะได้เห็นในเร็วๆ นี้
ที่มา – Nikkei Asia, WSJ, Washington Post
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา