นักเศรษฐศาสตร์คาด Xi Jinping กังวลการขึ้นเป็นประธานาธิบดีของ Biden มากกว่า Trump

Jim O’Neill นักเศรษฐศาสตร์ให้สัมภาษณ์ CNBC คาดการณ์ว่า Xi Jinping น่าจะกังวลการขึ้นเป็นประธานาธิบดีของ Biden มากกว่า Trump เสียอีก แม้ Donald Trump อาจจะดูแข็งกร้าว บุ่มบ่าม ทวีตข้อความชวนสร้างปัญหาให้กับจีนหลายต่อหลายครั้ง แต่ Trump ก็ทำโดยลำพัง (unilateralism) ไม่ได้หาพรรคพวกมาร่วมกระทำด้วย

Joe Biden ภาพจาก Shutterstock

แต่การขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีของ Joe Biden น่าจะสร้างปัญหาให้กับ Xi Jinping ผู้นำจีนไม่มากก็น้อย เพราะความแตกต่างที่โดดเด่นระหว่าง Biden และ Trump ที่เห็นได้ชัดเจนคือ Trump กระทำการฝ่ายเดียวลำพัง ขณะที่ Joe Biden เน้นความร่วมมือเป็นหมู่คณะ เน้นหารือในกรอบพหุภาคี (Multilateralism) ผลที่จะตามมาก็คือ เมื่อเกิดความตกลงใดๆ ก็มีความเป็นไปได้ที่ Joe Biden จะผลักดันเรื่องดังกล่าวเข้าสู่เวทีเจรจาหลายฝ่าย นั่นหมายความว่า อาจจะเป็นวิธีที่จะใช้ดีลกับจีนด้วยและสามารถกดดันจีนได้ไปพร้อมๆ กัน

ตัวอย่างเช่น ถ้ายุโรปมีข้อพิพาททางการค้ากับจีน อาจจะใช้สถาบันหรือองค์การระหว่างประเทศมาดีล ไม่ว่าจะเป็นองค์การการค้าโลก (WTO) หรือ G-20 เป็นต้น แต่ถ้าเป็นการบริหารภายใต้การนำของ Biden อาจจะผลักดันให้เกิดความตกลงบนโต๊ะเจรจาภาคีหลายฝ่าย ที่อาจจะทำให้จีนดีลกับรัฐภาคีด้วยยากมากยิ่งขึ้น

O’Neill อดีตหัวหน้าเศรษฐศาสตร์แห่ง Goldman Sachs และปัจจุบันเป็นประธานสถาบัน think tank ของอังกฤษ Chatam House ระบุว่า จีนน่าจะกังวลการขึ้นมาบริหารประเทศของ Biden มากกว่าสมัย Trump และเป็นไปได้ว่า Biden และทีมบริหารน่าจะใช้เวทีระหว่างประเทศนี้จัดการจีน ไม่ว่าจะผ่านองค์การอนามัยโลก (WHO), G-20 หรือองค์การระหว่างประเทศอื่นๆ ร่วมด้วย

Chinese President Xi Jinping gives a speech during the Tsinghua Universitys ceremony for Russian President Vladimir Putin, unseen, at Friendship Palace on April 26, 2019 in Beijing, China. (Photo by Kenzaburo Fukuhara – Pool/Getty Images)

นอกจากนี้ สิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลของ Xi Jinping ก็คือการแฝงข้อความผ่านการแสดงความยินดีกับการได้รับตำแหน่งผู้นำประเทศของ Joe Biden โดยย้ำว่า ทั้งสองประเทศจะยึดเรื่องไม่ขัดแย้ง ไม่เผชิญหน้ากัน เคารพซึ่งกันและกันต่อไป ซึ่งก่อนหน้าจะแสดงความยินดี จีนก็พยายามแสดงจุดยืนไม่ให้ประเทศอื่นแทรกแซงกิจการภายในมาโดยตลอด

ที่มา – CNBC

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา