จีนวางแผนแบนรถยนต์เชื้อเพลิงน้ำมันทุกรูปแบบ ต่อไปจะมีแต่รถยนต์ไฟฟ้าวิ่งในประเทศเท่านั้น

อนาคตของรถยนต์ไฟฟ้าดูจะสดใสขึ้นเรื่อยๆ เมื่อประเทศยักษ์ใหญ่อย่างจีนวางแผนยุติการขายรถยนต์เชื้อเพลิงน้ำมัน เพราะเหตุผลด้านสิ่งแวดล้อม ในขณะที่ราคาแบตเตอรี่ไฟฟ้าก็ลดลงเรื่อยๆ ค่อนข้างชัดเจนว่าแนวโน้มโลกจะเป็นอย่างไร

Photo: Pixabay

แบนรถยนต์เชื้อเพลิงน้ำมันเพื่อสิ่งแวดล้อม

ตลาดรถยนต์เบอร์ 2 ของโลกอย่างจีนที่มียอดขายรถยนต์ทั้งตลาดในปีที่แล้วกว่า 28 ล้านคัน พุ่งสูงขึ้นจากปี 2015 ถึง 13.7% ตอนนี้กำลังพิจารณาวางแผนที่จะยุติการขายรถยนต์เชื้อเพลิงทุกรูปแบบในอนาคตอันใกล้

โดยเริ่มจากการออกนโยบายจูงใจผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) รวมถึงออกกฎหมายอนุญาตให้ผู้ผลิตต่างชาติสามารถเข้ามาร่วมค้าขายกับผู้ผลิตในท้องถิ่น แต่มีข้อกำหนดว่าต้องผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น

Xin Guobin รัฐมนตรีช่วยว่าการอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีน ระบุว่า “รัฐบาลกำลังร่วมมือกับหน่วยงานอื่นๆ เพื่อจะยุติการขายรถยนต์เชื้อเพลิงน้ำมัน แต่การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ย่อมกระทบต่อทั้งอุตสาหกรรมอย่างแน่นอน”

ค่ายรถยนต์ที่จะเข้ามาร่วมกับจีนในเบื้องต้นก็มี BYD Co. กับ BAIC Motor Corp. ส่วน HONDA ก็วางแผนจะนำรถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาในจีนปี 2018 อย่างไรก็ตาม อันที่จริงแล้ว แผนผลักดันรถยนต์ไฟฟ้านี้เป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลจีนที่ต้องการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และมลภาวะในประเทศภายในปี 2030 ซึ่งแผนการผลักดันรถยนต์ไฟฟ้าเป็นส่วนหนึ่งของแผนใหญ่นี้นั่นเอง

Photo: Pixabay

แน่นอนว่า จีนไม่ใช่ประเทศแรก แต่ถือเป็นประเทศล่าสุดที่ประกาศตัวชัดว่าจะมุ่งหน้าตลาดรถยนต์ในประเทศ ให้ไปสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในเร็ววัน ก่อนหน้านี้มีฝรั่งเศสและอังกฤษที่มีนโยบายจะหยุดขายรถยนต์เชื้อเพลิงน้ำมันในปี 2040 ด้วยจุดประสงค์ที่ต้องการลดอุณหภูมิโลกลดลง 2 เซลเซียส แต่ถ้าเราย้อนดูให้ไกลไปอีกจะพบว่า ชาติแรกๆ ที่มีแผนให้ยุติการขายรถยนต์เชื้อเพลิงน้ำมันในประเทศคือ นอร์เวย์และสวิสเซอร์แลนด์

แม้นักวิจารณ์หลายคนอาจจะบอกว่ารถยนต์ไฟฟ้าเป็นไปได้ยาก (ไม่ว่าจะจีนหรือที่อื่นๆ ก็ตาม) แต่ต้องไม่ลืมว่าต้องตั้งแต่ 2010 เป็นต้นมา “ราคาของแบตเตอรี่ไฟฟ้า” ลดลงเป็นอย่างมาก มีการคำนวณไว้ว่าราคาของแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออน (lithium-ion) ลดลงไปกว่า 73% นับตั้งแต่นั้น และมีแนวโน้มจะถูกลงอีกในปี 2030

อ้างอิง – techcrunch, Bloomberg

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา