เมื่อนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นทุกวัน และปีนี้คาดว่าจะเข้ามากว่า 9 ล้านคน สร้างเงินสะพัดมากกว่า 4.7 แสนล้านบาทต่อปี ดังนั้นการยกระดับธุรกิจตัวเองเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่จะเข้ามาเป็นลูกค้า โดยเฉพาะวิธีการรับชำระเงินจาก Alipay ซึ่งเป็นหนึ่งในแอปพลิเคชันที่คนจีนนิยมใช้มากที่สุด ได้จึงจำเป็นอย่างยิ่ง
เพียงรับชำระ Alipay ได้ ก็สร้างโอกาสมหาศาล
จีน เป็นหนึ่งในประเทศที่เปิดรับ QR Payment อย่างรวดเร็ว ชาวจีนจำนวนมากคุ้นเคยกับชีวิตแบบ Cashless พวกเขาใช้จ่ายด้วย QR Code ผ่าน Alipay ซึ่งเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มการชำระเงินที่ใหญ่ของจีน ดังนั้นเมื่อพวกเขาเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศ ความคุ้นชินเหล่านี้ก็ติดตัวไปด้วย ทำให้ถ้าร้านค้าต่างๆ สามารถรับชำระเงินจากแพลตฟอร์มชำระเงินที่ชาวจีนใช้งานเป็นประจำ ก็เท่ากับสร้างโอกาสทางธุรกิจได้มหาศาล
จากจุดนี้เอง ธนาคารกสิกรไทย หรือ KBank จึงทำงานร่วมกับ Alipay ตั้งแต่ปี 2558 เช่น การติดตั้งเครื่องรับชำระเงิน (EDC) ที่อ่าน QR Code ของ Alipay ตามห้างสรรพสินค้า และห้างร้านต่างๆ จนปัจจุบันกระจายได้กว่า 2 แสนเครื่อง และล่าสุดนำเทคโนโลยี QR Code มาพัฒนาใส่ใน แอปฯ K PLUS SHOP หรือร้านค้าบนมือถือกสิกรไทย
พัชร สมะลาภา รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ของ KBank เล่าให้ฟังว่า แอปฯ K PLUS SHOP เป็นแอพพลิเคชันบนมือถือที่ใช้ในการรับชำระค่าสินค้าและบริการผ่าน QR Code ด้วย Mobile Banking ของทุกธนาคาร และ e-Wallet ซึ่งถือเป็นการเพิ่มช่องทางการรับชำระและเพิ่มความสะดวกสบายให้ร้านค้าและลูกค้า โดยร้านค้าสามารถบริหารจัดการได้ด้วยตนเองบนแอปฯ
K PLUS SHOP แอปฯ แรกของธนาคารที่จ่ายได้ด้วย QR Code ของ Alipay
“K PLUS SHOP เป็นแอปฯ ของธนาคารรายแรกในประเทศไทยที่สามารถรับชำระเงินจาก Alipay ได้ ประกอบกับการใช้งานที่ง่าย เพียงเปิด K PLUS SHOP ใส่ราคาสินค้า แล้วกดยิง QR Code ของลูกค้าชาวจีนที่ใช้ Alipay ก็รับชำระเงินจากช่องทางนี้ได้ทันที โดยตัวเงินจะส่งมายังบัญชีที่ผูกกับ K PLUS SHOP ไว้”
ด้วยความง่ายในการใช้งาน และไม่ต้องใช้อุปกรณ์มากมายในการติดตั้ง ทำให้ KBank สามารถขยายจำนวนผู้ใช้งานได้อย่างรวดเร็ว และตอนนี้ก็เริ่มเข้าไปทำตลาดกับผู้ค้าในตลาดนัดจตุจักรเป็นพื้นที่แรก เพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชาวจีนมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก ก็มีส่วนช่วยเพิ่มโอกาสการขายได้มากขึ้น
ผู้ขายไม่ต้องเสียเวลาลำบากเรื่องเงินทอน ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัย ผู้ซื้อก็สะดวกเพราะเป็นแอปจ่ายเงินที่เคยชิน ไม่ต้องพกเงินสด แต่สามารถซื้อขายกันได้ผ่านการยิง QR Code
กวาดไปแล้ว 2,000 ร้านค้า ก่อนขยายไป 200,000 จุดทั่วประเทศ
สำหรับร้านค้าในตลาดนัดจตุจักรปัจจุบันมีผู้ใช้งาน K PLUS SHOP แล้ว 2,000 ร้าน จากทั้งหมด 13,000 ร้าน โดยทางธนาคารมีการส่งเจ้าหนัาที่ไปช่วยอธิบายการใช้งาน เพื่อขยายจำนวนผู้ใช้ให้ครบทั้งตลาดภายในปีนี้ ส่วนผู้ใช้บริการ K PLUS SHOP ทั่วประเทศ ปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 200,000 จุด
ยิ่งมีการใช้งาน K PLUS SHOP มากขึ้น โอกาสทางธุรกิจของร้านค้าและ ความสะดวกของผู้ซื้อก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย เป็นการสร้างสังคมไร้เงินสด หรือ Cashless Society ให้เกิดขึ้นทั้งกับผู้ใช้คนไทย และนักท่องเที่ยวต่างประเทศ
สรุป
ความเคลื่อนไหวเป็นระลอกใหญ่ของธนาคารกสิกรไทย เป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำอันดับ 1 ด้าน Mobile Banking ของ KBank เพราะขณะนี้ผู้ให้บริการรายอื่นยังเน้นรับ QR Code ซึ่งอยู่บน PromptPay และเน้นผู้ใช้งานในประเทศ แต่ Mobile Banking ของเคแบงก์ ล้ำด้วยฟีเจอร์ QR Code ตอบโจทย์ทั้งฝั่งคนใช้ผ่านแอปฯ K PLUS และพัฒนาระบบหลังบ้านโดยเชื่อมต่อไปยังคนขายด้วย K PLUS SHOP คนซื้อก็แค่ยิง QR Code ของร้านค้าเท่านั้น ฝั่งคนขายก็มีระบบของ K PLUS SHOP รองรับ +
ทำให้วันนี้ Mobile Banking ของเคแบงก์ เป็นแบงก์เดียวของประเทศไทยที่สามารถรองรับได้ทั้งผู้ใช้งานที่เป็นคนซื้อและคนขายในประเทศไทย และกำลังก้าวไกลไปถึงการพัฒนาศักยภาพระบบการชำระเงินข้ามพรมแดน (Cross-Border Payment) แล้ว เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเป็นกลุ่มที่สร้างรายได้มหาศาล โดยช่วงนี้อยู่ในระหว่าง Soft Launch ทดลองให้บริการในบางพื้นที่ยังสร้างโอกาสให้กับภาคธุรกิจได้อย่างมาก ต้องรอติดตามว่า K PLUS SHOP ที่เตรียมให้บริการอย่างเป็นทางการในเดือน ต.ค. จะมี Feature พิเศษอะไรเพิ่มขึ้นอีกบ้าง
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา