กรณีศึกษา! Bloss Natura แบรนด์ดาราแต่ทำตลาดแบบไม่ธรรมดา สร้างยอดขาย 100 ล้าน ภายใน 1 ปี

ศึกษาวิธีการสร้างแบรนด์สกินแคร์-อาหารเสริมของ Bloss Natura ถึงแม้ว่าหุ้นส่วนของบริษัทจะเป็นดารามีชื่อเสียงถึง 2 คน แต่ปัจจัยความสำเร็จไม่ใช่แค่พลังดาราโปรโมท มีกระบวนการสร้างแบรนด์เป็นขั้นเป็นตอน สามารถสร้างรายได้ 100 ล้านภายใน 1 ปี!

สร้างแบรนด์ให้ยั่งยืน และแตกต่างในตลาด

ตลาดความสวยความงามยังคงเป็นธุรกิจดาวรุ่งมาหลายปี เพราะมีการเติบโตต่อเนื่องทุกปี ถึงแม้เศรษฐกิจไม่ดีคนไทยก็ขอสวยไว้ก่อน โตแบบสวนกระแส GDP แบบไม่ไว้หน้าใคร

ทำให้ยังมีผู้เล่นลงมาในตลาดอย่างต่อเนื่อง ทั้งผู้เล่นในไทย และต่างชาติที่ขอเข้ามาแชร์ส่วนแบ่งในตลาด ก็มีอยู่รอดไปได้สวย บางรายก็ไม่รอดเช่นกัน เพราะตลาดมีการแข่งขันสูง ต้องอาศัยการเข้าถึงผู้บริโภคที่แท้จริง

แบรนด์ Bloss Natura เป็นอีกหนึ่งแบรนด์น้องใหม่ที่เพิ่งลงตลาดได้ 1 ปี เริ่มต้นด้วยสินค้า 2 ตัว แต่สามารถโกยรายได้ 100 ล้านบาทใน 1 ปีแรก ซึ่งมีวิธีการทำตลาดค่อนข้างน่าสนใจ ไม่ได้ใช้แค่ดาราโปรโมท

หุ้นส่วนของบริษัท

Bloss Natura บริหารงานโดย บริษัท บลัช บิวตี้ (ไทย) จำกัด มีทุนจดทะเบียนแรกเริ่ม 1 ล้านบาท มีหุ้นส่วนก่อตั้ง 5 คน ซึ่ง 2 ใน 5 คนเป็นดารามีชื่อเสียง “เป้ย ปานวาด” และ “เอ๋ พรทิพย์” ในช่วงแรกนั้นได้ใช้งบลงทุนรวมทั้งหมด 8 หลัก แต่สามารถคืนทุนได้ภายใน 6 เดือน

ปิยะวดี เหลียงกอบกิจ เป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง และผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท บิวตี้ (ไทย) จำกัด ได้เล่าให้ฟังว่า

ส่วนตัวทำธุรกิจเกี่ยวกับแม่และเด็กมาก่อน เป็นสินค้าออแกนิก ทำให้เชี่ยวชาญเรื่องสินค้าที่มาจากธรรมชาติ มองเห็นโอกาสของตลาดความงามเพราะผู้หญิงดูแลตัวเองมากขึ้น ไม่ใช่แค่ภายนอก แต่เป็นการดูแลจากภายใน”

วางจุดยืนให้แบรนด์เป็นสินค้าระดับพรีเมี่ยม-แมส ราคาตั้งแต่ 800-2,000 บาท จับกลุ่มสาวๆ รุ่นใหม่อายุ 18-35 ปี สินค้าตัวแรกของบริษัทคือ Bloss Jeli Booster วิตามินบำรุงผิวรูปแบบเจลลี่ และสินค้าตัวที่ 2 เป็น Bloss Facial Emulsion โลชั่นบำรุงผิวหน้า และในปีนี้ได้เปิดตัว Bloss UV Solution ครีมกันแดดที่ทั้งบำรุง และฟื้นฟู

ปิยะวดี เหลียงกอบกิจ

ก่อนจะออกสินค้าตัวแรกได้พัฒนาสินค้าเกือบ 2 ปี ที่ออกอาหารเสริมแบบเจลลี่ก่อนเพราะมองเห็นตลาดเติบโตดี เห็นเทรนด์ผู้บริโภคตัองการความสะดวก รวดเร็ว และในตลาดยังไม่มีนวัตกรรมแบบนี้ จากนั้นก็แตกไลน์ไปสินค้าอื่นๆ เน้นเรื่องสกินแคร์ การดูแลผิวจากภายใน”

ไม่ทำตลาดแบบครีมดาราทั่วไป

โดยส่วนใหญ่แล้วแบรนด์เครื่องสำอาง หรือสกินแคร์ที่เป็นแบรนด์ของดารา ต่างใช้กลยุทธ์เดียวกันคือใช้ดาราด้วยกันช่วยกันกระหน่ำโปรโมท แต่ปิยะวดีมองว่าไม่อยากทำตลาดเหมือนครีมดาราทั่วไป หัวใจสำคัญต้อง “สร้างแบรนด์” ให้ยั่งยืน

อาวุธที่ Bloss Natura ใช้จึงผสมกันหลายๆ อย่าง ทั้งนวัตกรรมสินค้า ดีไซน์สินค้า การตลาดออนไลน์ ออฟไลน์ ทำคอนเทนต์ในการสื่อสาร ช่องทางการขาย ในปีที่ผ่านมาได้ใช้งบการตลาด 15 ล้านบาท ในปีนี้ได้เพิ่มขึ้นเท่าตัวเป็น 30 ล้านบาท เพราะมีการใช้ “คิมเบอร์รี่” เป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าครีมกันแดด

คิมเบอร์รี่ พรีเซ็นเตอร์คนแรกของแบรนด์

ปีนี้มีการทำตลาดมากขึ้น เพราะจะทำให้ยั่งยืนได้ต้องมีการสร้างแบรนด์ ต้องทำร่วมกันหลายอย่าง ออนไลน์-ออฟไลน์ โปรโมทผ่านรายการ ทำสื่อนอกบ้าน ใช้พรีเซ็นเตอร์เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดี เพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายในโมเดิร์นเทรดเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ มีการใช้ Micro Influencer ด้วย เป็นบุคคลที่มีการใช้สินค้าเราจริงๆ”

ช่องทางการขายของแบรนด์มีทั้งออนไลน์ ตัวแทนจำหน่ายที่มี 300 ราย และโมเดิร์นเทรด 500 ร้านค้า ได้แก่ ร้านบิวตี้ สโตร์ และท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต และกำลังจะเข้าเซเว่นฯ ในกลางปีนี้ เพื่อเข้าถึงลูกค้าให้มากขึ้น

ความท้าทายของตลาดนี้มีมาก มีคู่แข่งเยอะ ต้องไม่มองว่าเป็นแบรนด์ดารา ต้องแอคทีฟและทำตลาดจริงจัง อยู่นิ่งไม่ได้ ต้องวางกลยุทธ์ล่วงหน้า แต่ก็ต้องปรับตัวได้ตลอด เพราะเทรนด์ และพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนตลอด ที่สำคัญคือต้องเข้าใจว่าลูกค้าต้องการอะไร และพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์ ต้องแตกต่างจากคู่แข่ง ต้องให้ลูกค้ารู้สึกว่าดีกว่าแบรนด์อื่นอย่างไร”

เป้ารายได้ 200 ล้านในปีนี้

ในปี 2560 บริษัทมีรายได้รวม 100 ล้านบาท ถือว่าเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ ในปีนี้ได้ตั้งเป้าการเติบโตอีก 100% หรือมีรายได้ 200 ล้านบาท

ตั้งเป้าสัดส่วนรายได้ของสินค้าเป็นอาหารเสริม 50% โลชั่นบำรุงผิว 30% และครีมกันแดด 20%

แบ่งสัดส่วนรายได้จากช่องทางออนไลน์ 50% และหน้าร้าน 50% ตั้งเป้าว่าจะเพิ่มสัดส่วนหน้าร้านเป็น 60% เพราะจะมีการนำเข้าจำหน่ายในเซเว่นเพิ่มเติม

ข้อมูลการตลาดที่น่าสนใจ

– ตลาดความงามปี 2560 มูลค่า 154,000 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดสกินแคร์ 70,000 ล้านบาท หรือ 46% เติบโต 6.1% และเครื่องสำอาง 84,000 ล้านบาท

– ตลาดอาหารเสริมความงาม มูลค่า 150,000 ล้านบาท เติบโต 10%

– ตลาดครีมกันแดดมูลค่า 4,000-5,000 ล้านบาท เติบโต 10%

สรุป

– แม้จะเป็นแบรนด์ที่ขึ้นชื่อว่าดาราเป็นคนทำ แต่หัวใจสำคัญยังอยู่ที่การสร้างแบรนด์ให้ตอบโจทย์ผู้บริโภค ไม่ใช่แค่การโปรโมทผ่านเครือข่ายดาราอย่างเดียว ต้องมีส่วนผสมอื่นๆ ทำให้แบรนด์ยั่งยืน

– ตลาดความงามมีการแข่งขันสูงมาก แต่ก็ยังมีการเติบโตมากเช่นกัน เพราะฉะนั้นต้องหาจุดยืนของตนเองให้เจอ ทำการตลาดที่ตอบโจทย์ ทำให้แบรนด์อยู่รอดได้

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา