ซีอีโอ LINE MAN Wongnai ชี้ Open Banking และ Digital Wallet ช่วยดันสตาร์ตอัพไทยโตต่อได้

ยอด ชินสุภัคกุล ซีอีโอของบริษัทสตาร์ทอัพยูนิคอร์น LINE MAN Wongnai และ ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) ร่วมเสวนาหัวข้อการผลักดันธุรกิจสตาร์ทอัพสู่อนาคตของไทยในฐานะฮับนวัตกรรม ในงาน Money 20/20 ซึ่งในมุมมองของซีอีโอ LINE MAN Wongnai นโยบายของภาครัฐอย่าง Open Banking และดิจิทัลวอลเล็ตจะมีส่วนช่วยผลักดันให้สตาร์ทอัพของไทยเติบโตต่อไปได้

โอกาสของไทยในการเป็นฮับนวัตกรรม

ยอด ชินสุภัคกุล พูดถึงภาพรวมการพัฒนาของประเทศไทยในการเป็นฮับด้านนวัตกรรมผ่านการสร้าง Startup Ecosystem ว่า ไทยเป็นเศรษฐกิจอันดับ 2 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีจำนวนประชากรเพียงพอและ GDP ต่อหัวก็อยู่ในระดับที่ไม่ได้แย่เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาค รวมทั้งคนไทยมีนิสัยเปิดกว้างทำให้เปิดใจกับเทคโนโลยีใหม่และนำมาใช้ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ไทยโดยเฉพาะกรุงเทพมหานครมีศักยภาพในการเป็นฮับด้านนวัตกรรมของอาเซียน

ไทยยังมีผู้ที่สนใจด้านนวัตกรรมและนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาจำนวนมาก ทำให้มีบุคลากรที่มีความคิดสร้างสรรค์ที่จะคิดค้นและต่อยอดนวัตกรรม ประกอบกับการที่รัฐบาลสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมและพยายามสร้างเศรษฐกิจให้เติบโต

หรือกรณีธนาคารแห่งประเทศไทยและธุรกิจฟินเทคเอง ก็ยังได้ร่วมมือกันเพื่อสร้าง Startup Ecosystem เพื่อสนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัพฟินเทคในการก่อตั้งเริ่มแรก ปัจจุบัน ไทยอยู่อันดับที่ 52 ของโลก ในการเป็น Startup Ecosystem โดยจังหวัดแรกที่เป็นผู้นำ คือ กรุงเทพ ตามด้วย เชียงใหม่ ภูเก็ต และพัทยา

ส่วนทางด้านทรัพยากรบุคคล ไทยมีมหาวิทยาลัยจำนวนมากและมีศักยภาพในการส่งเสริมให้นักศึกษามีแนวคิดในการริเริ่มธุรกิจสตาร์ทอัพ รัฐบาลยังร่วมมือกับมหาวิทยาลัยต่างประเทศเพื่อสร้างการแข่งขันและการมีส่วนร่วมของเยาวชน ได้ทำงานร่วมกับองค์กรต่าง ๆ รวมถึงพาร์ทเนอร์ระดับโลกทั้งในเอเชีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกาเพื่อแลกเปลี่ยนกลยุทธ์ในการผลักดันธุรกิจสตาร์ทอัพ ซึ่งเป็นเส้นทางที่ทำให้ในอนาคตไทยจะมีบทบาทสำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

บทบาทของรัฐบาลและภาคเอกชนในการส่งเสริมธุรกิจฟินเทค

คุณยอดมองว่า องค์กรภาครัฐอย่าง NIA มีโครงการส่งเสริมธุรกิจสตาร์ทอัพหลายโครงการ รวมถึงกองทุนจากรัฐบาลที่เรียกว่า InnoSpace ที่เข้าไปลงทุนโดยตรงในธุรกิจสตาร์ทอัพซึ่งมีส่วนช่วยธุรกิจอย่างมาก 

สตาร์ทอัพอย่าง LINE MAN Wongnai ยังได้ประโยชน์จากนโยบายคนละครึ่งของรัฐบาลที่ดำเนินการในปี 2021-2022 ที่ช่วยให้ผู้บริโภคใช้จ่ายมากขึ้นทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์ซึ่ง LINE MAN Wongnai ก็ได้เข้าร่วมด้วย นโยบายนี้ช่วยเชื่อมต่อผู้บริโภคเข้ากับร้านค้าในท้องถิ่น มีไรเดอร์เป็นตัวกลางที่ช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึงบริการและทำให้ร้านค้ามีรายได้เพิ่มขึ้น 

ในฐานะซีอีโอของ LINE MAN Wongnai มองว่าในช่วงปลายปีนี้ รัฐบาลจะออกนโยบายที่คาดว่าช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ อย่างโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่จะให้เงิน 10,000 บาทต่อคนและครอบคลุมประชาชนราว 50 ล้านคนเพื่อใช้จ่ายกับอาหารและบริการต่าง ๆ ซึ่งรัฐบาลก็เปิดให้สตาร์ทอัพเข้ามามีส่วนร่วมด้วย ก็นับเป็นการสนับสนุนสตาร์ทอัพในทางอ้อม

อีกด้านคือ รัฐบาลยังมีบทบาทในการริเริ่ม Accelerator Program และสามารถต่อยอดโครงการที่ไม่ได้เปิดโอกาสเฉพาะสตาร์ทอัพสัญชาติไทยเท่านั้นแต่ยังรวมถึงสตาร์ทอัพจากทั่วโลกเพื่อการเจาะตลาดระดับโลกในบริษัทสตาร์ทอัพเข้ามาในไทยมากขึ้น 

ความท้าทายของสตาร์ทอัพในช่วงการเติบโต

สำหรับ LINE MAN Wongnai ช่วงการเติบโตของบริษัทเกิดขึ้นในช่วงโควิด-19 ทำให้มีความท้าทายอยู่ที่การระดมทุนที่ต้องหาแหล่งเงินทุนในช่วงโรคระบาด ในช่วงการระดมทุน 2-3 รอบแรกเป็นการระดมทุนจากแหล่งเงินในไทย แต่เมื่อบริษัทเติบโตขึ้นอย่างมากในช่วงโควิด ทำให้ต้องหาแหล่งเงินทุนในต่างประเทศที่พร้อมจะร่วมลงทุนเป็นระดับ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ 

นอกจากนี้ การที่ LINE MAN Wongnai เป็นผู้เล่นในตลาดส่งอาหารทำให้ต้องแข่งขันกับบริษัทขนาดใหญ่ระดับภูมิภาค ทางด้านฟินเทคก็ต้องแข่งขันกับธนาคาร ถือว่าเป็นความท้าทายที่ต้องแข่งขันกับผู้เล่นรายใหญ่กว่าทำให้จำเป็นต้องเพิ่มขีดความสามารถทั้งทางด้านเทคโนโลยีและบุคลากร

ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง มองว่า การระดมทุนครั้งแรกของบริษัทสตาร์ทอัพเป็นเรื่องสำคัญเห็นจากการที่รัฐบาลต้องให้การสนับสนุนด้วยงบประมาณจำนวนมากกับสตาร์ทอัพในช่วงเริ่มต้น ในปีนี้ NIA วางแผนจะเปิดตัวโปรเจค Unicorn Factory Thailand โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มธุรกิจสตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์นในไทยและสร้างตัวอย่างความสำเร็จให้กับนักธุรกิจในระดับเริ่มต้นต่อไปและจะต่อยอดการสนับสนุนสตาร์ทอัพนอกเหนือจากธุรกิจฟินเทคในอนาคต

โอกาสในการผลักดันธุรกิจสตาร์ทอัพในอนาคต

ซีอีโอ LINE MAN Wongnai มองด้วยว่า โครงการของรัฐบาลมีส่วนช่วยอย่างมากในการผลักดันธุรกิจสตาร์ทอัพระยะเริ่มต้น ที่ยังได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงนโยบายด้วย เช่น คนละครึ่ง กฎหมายภาษี นโยบายสนับสนุนบุคลากรด้านดิจิทัล หรือผ่านโครงการใหม่จากธนาคารแห่งประเทศไทยอย่าง Open Banking Data ที่จะช่วยให้ธุรกิจส่งต่อข้อมูลที่มีประโยชน์ต่อไปยังหน่วยงานอื่นได้ อย่าง LINE MAN Wongani เองก็เต็มใจที่จะแชร์ความรู้และข้อมูลในกับบริษัทใหม่ได้

เมื่อพูดถึงนวัตกรรม ไม่ได้มองแค่เรื่องการพัฒนาเทคโนโลยีแต่ยังมีเรื่องของนโยบายรัฐบาลที่ร่วมมือกับภาคเอกชนได้ เหมือนอย่างที่พร้อมเพย์เป็นนวัตกรรมที่ประสบความสำเร็จที่สุดจากความร่วมมือของธนาคารแห่งประเทศไทยกับธนาคารพาณิชย์หรือนโยบายคนละครึ่งที่มีผลดีกับสตาร์ทอัพ 

ในอนาคต คุณยอดมองนวัตกรรม 2 อย่าง คือ Open Banking Data จากธนาคารแห่งประเทศไทยและนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตที่จะเริ่มขึ้นในช่วงปลายปีนี้ที่คาดว่าจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระยะยาวกับการใช้จ่ายของคนไทย ส่วนเรื่องการใช้ AI และเทคโนโลยีเพื่อธุรกิจ ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่เทคโนโลยีอย่างเดียวแต่อยู่ที่การนำมาใช้ (Use Case) ในธุรกิจมากกว่าว่าจะนำเทคโนโลยีมาใช้ยังไง

Disclaimer: Brand Inside เป็นบริษัทในเครือ LINE MAN Wongnai

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา