BYD กำไรไตรมาสแรกโต 632% หลังขายรถยนต์ไฟฟ้าได้กว่า 73,000 คัน สวนทาง Tesla ที่ขาดทุนยับ

แม้ไม่ได้เป็นที่รู้จักในระดับโลก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า BYD บริษัทผู้ผลิตรถยนต์จากจีนคือผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า เพราะในไตรมาสล่าสุดสามารถขายรถยนต์ไฟฟ้าได้กว่า 73,000 คัน และมีผลกำไรเติบโต 632% ด้วย

BYD
รถยนต์ไฟฟ้า BYD ที่จำหน่ายในจีน

ยักษ์ใหญ่จากจีนที่เตรียมขยายไปทั่วโลก

ในไตรมาส 1 ของปี 2562 ที่เพิ่งจบไปเมื่อสิ้นเดือนมี.ค. ทาง BYD หนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของจีนนั้นขายรถยนต์ไฟฟ้าได้ทั้งหมด 73,172 คัน เพิ่มขึ้น 147% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และจากยอดขายมากขนาดนี้ทำให้ BYD มีกำไรเพิ่มขึ้น 632% คิดเป็นมูลค่า 750 ล้านหยวน (ราว 3,500 ล้านบาท)

อย่างไรก็ตามตัวเลข 73,172 คันนั้นเป็นแค่รถยนต์ไฟฟ้าที่ BYD จำหน่ายเท่านั้น เพราะปัจจุบันบริษัทยังขายรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในด้วย โดยในไตรมาส 1 ก็ขายไปทั้งสิ้น 44,406 คัน และเมื่อรวมรถยนต์ไฟฟ้า กับรถยนต์สันดาปภายในก็จะขายทั้งหมด 117,578 คัน ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้ากินสัดส่วนมากกว่า

รถยนต์ไฟฟ้า
ยอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์เครื่องสันดาปภายในไตรมาสที่ 1 ของ BYD

ขณะเดียวกันทาง BYD ได้ตั้งเป้าหมายจำหน่ายรถยนต์ทั้งหมดในปี 2562 ไว้ที่ 6.55 แสนคัน ซึ่งส่วนใหญ่ต้องเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแน่นอนตามทิศทางการขายนี้ เนื่องจากความต้องการของรถยนต์ไฟฟ้าในจีนนั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และถึงจะมีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาจำนวนมาก แต่ BYD ก็ยังรักษาตำแหน่งผู้นำได้อย่างยั่งยืน

ในทางกลับกัน Brand Inside ได้รายงานก่อนหน้านี้ไปว่า Tesla บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่หลายคนน่าจะรู้จักนั้นขาดทุนถึง 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 22,000 ล้านบาท) ในไตรมาส 1 ของปี 2562 เรียกว่ายับเยินอย่างมากหลังการทำตลาดรุ่น Model 3 ไม่เป็นดังหวัง รวมถึงการทำตลาดในต่างประเทศก็ไม่ราบรื่นนัก

สรุป

BYD นั้นเติบโตมากจากการรับผลิตแบตเตอรี่เมื่อ 25 ปีก่อน จากนั้นก็ขยับมาเป็นผู้ผลิตรถยนต์ ก่อนเดินหน้าผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเต็มกำลัง และนั่นทำให้บริษัทแข็งแกร่งมาถึงวันนี้ ที่สำคัญยังได้รับเงินลงทุนจาก Warren Buffett เมื่อปี 2551 ด้วย ดังนั้นมันต้องมีอะไรแน่ๆ พ่อมดนักลงทุนถึงตัดสินใจทำแบบนี้ และคงต้องจับตาดูต่อไปว่า BYD จะไปได้ไกลขนาดไหน

อ้างอิง // Quartz

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา