รู้จักกับเทรนด์ Buy Now Pay Later ของคนเจน Z ที่อยากสร้างหนี้แต่มีความยืดหยุ่นเวลาคืน

รู้จักกับบริการซื้อก่อน จ่ายทีหลัง (Buy Now Pay Later) การให้บริการทางการเงินแนวใหม่ ที่กำลังจะกลายเป็นเทรนด์สำคัญทดแทนการผ่อนสินค้าผ่านบัตรเครดิต โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น คนเจน Z และ Millennial ที่การใช้งานบัตรอาจไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป

บริการทางการเงินที่จุดขาย (Point of Sale Financing) ที่ให้ผู้บริโภคสามารถตัดสินใจซื้อของที่ต้องการ โดยชำระเงินในภายหลังไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร เพราะที่ผ่านมาเรามักเห็นการใช้กลยุทธ์นี้กับบัตรเครดิตพิเศษของร้านค้า หรือบริการผ่อนสินค้าจนครบก่อน แล้วค่อยรับสินค้าไป ของร้านค้าที่ทำขึ้นมากันเอง เพื่อดึงดูดลูกค้าที่เข้ามาเดินดูสินค้าเฉยๆ ให้ตัดสินใจซื้อ

แต่ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบันทำให้เกิด FinTech หลายๆ ราย ที่ให้บริการซื้อก่อนจ่ายทีหลังกับลูกค้า (Buy Now Pay Later) ผ่านแอปพลิเคชัน Affirm, Afterpay, และ Klarna เป็นทางเลือกในการจ่ายเงินมากกว่าบัตรเครดิตแบบที่เราคุ้นเคยกัน หรือแม้แต่บริการจ่ายเงินออนไลน์อย่าง PayPal

บริการผ่อนของที่ยืดหยุ่นกว่าบัตรเครดิต

โดยจุดเด่นของบริการซื้อก่อนจ่ายทีหลังคือ ไม่มีอัตราดอกเบี้ยในการผ่อนชำระ มีตัวเลือกให้ผ่อนชำระยืดหยุ่นกว่า เช่น จะเลือกแบ่งชำระภายในเวลาระยะเวลาสั้นๆ รายสัปดาห์ หรือจะเลือกแบ่งชำระในระยะเวลาที่นานกว่า เป็นรายเดือนก็ได้ แต่หากผู้ซื้อไม่สามารถชำระเงินได้ตามที่กำหนด ก็จะต้องเสียค่าปรับเป็นข้อแลกเปลี่ยนแทน

ส่วนจุดเด่นในมุมของร้านค้าที่รับการชำระผ่านบริการซื้อก่อนจ่ายทีหลัง ก็จะได้รับเงินค่าสินค้าเต็มจำนวนทันที แม้ว่าลูกค้าจะผ่อนสินค้าก็ตาม

สาเหตุหนึ่งที่ทำให้บริการซื้อก่อนจ่ายทีหลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น เป็นเพราะการเติบโตของธุรกิจ e-Commerce ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ยิ่งมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ก็ยิ่งเร่งให้ธุรกิจ e-Commerce เติบโตมากขึ้นไปอีก

ย้อนกลับไปในปี 2019 e-Commerce นับว่ามีสัดส่วนเพียง 11% ของธุรกิจค้าปลีกในสหรัฐอเมริกา แต่ในปี 2020 e-Commerce ก็เติบโตขึ้นจนมีสัดส่วนคิดเป็น 16% โดยสาเหตุหลักมาจากร้านค้าต้องปิดให้บริการในช่วงโควิด-19 ระบาด

เมื่อผู้บริโภคหันมาซื้อสินค้าผ่านช่องทาง e-Commerce มากขึ้น ก็ยิ่งเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับบริการซื้อก่อนจ่ายทีหลัง เป็นการเพิ่มทางเลือกในการจ่ายเงินนอกจากการจ่ายผ่านบัตรเครดิต จนเว็บไซต์ e-Commerce หลายแห่ง มีตัวเลือกซื้อก่อนจ่ายทีหลังจนกลายเป็นเรื่องธรรมดาๆ ไปแล้ว

ทำให้บริการซื้อก่อนจ่ายทีหลังหลายรายในสหรัฐอเมริกา มีผู้ใช้เงินเกิน 5 ล้านคน ทั้ง Affirm, Afterpay, และ Klarna

ตัวอย่างโปรโมชันของบริการซื้อก่อนจ่ายทีหลังของ Afterpay ภาพจาก Afterpay

จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งคือบริการซื้อก่อนจ่ายทีหลัง จะมีการทำโปรโมชันร่วมกับแบรนด์ต่างๆ บนเว็บไซต์ นอกจากจะเป็นการดึงดูดลูกค้าที่ต้องการซื้อของ แต่ไม่อยากจ่ายเงินก้อนในครั้งเดียวแล้ว ยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่าย ซึ่งร้านค้าหรือแบรนด์ที่ร่วมโปรโมชันก็จะได้รับประโยชน์ไปด้วย

โดยสรุปแล้วบริการประเภทซื้อก่อนจ่ายทีหลัง (Buy Now Pay Later) ที่กำลังได้รับความนิยมในต่างประเทศนี้ นับว่ามีความน่าสนใจ เพราะเป็นการเพิ่มช่องทางการชำระเงินรูปแบบใหม่ๆ ที่มีความยืดหยุ่นมากกว่าบัตรเครดิต ไม่มีอัตราดอกเบี้ย เลือกการผ่อนชำระเป็นรายสัปดาห์ได้ แถมยังให้บริการในรูปแบบดิจิทัล ซึ่งเหมาะกับพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะเจน Z และ Millennial

ที่มา – Business Insider, Possible Finance, Mobindustry

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา