Boris Johnson ลาออกจากตำแหน่ง สิ้นสุดการเป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษเกือบ 3 ปี

หลังจากที่มีข่าวสะพัดทั้งวันว่า Boris Johnson นายกรัฐมนตรีอังกฤษเตรียมประกาศลาออก หลังจากข่าวฉาวถาโถมรวมทั้งรัฐมนตรีทยอยลาออกกัน รัฐมนตรีคลังและรัฐมนตรีสาธารณสุขก็เพิ่งจะลาออกไป ล่าสุด Johnson ลาออกแล้ว สิ้นสุดการเป็นผู้นำประเทศเกือบ 3 ปีท่ามกลางข้อถกเถียงและข่าวฉาวมากมาย

Boris Johnson resign

ข่าวฉาวที่กระทบใจคนมากที่สุดคือเรื่องการจัดปาร์ตี้สังสรรค์ท่ามกลางมาตรการล็อคดาวน์ควบคุมโควิดระบาดกอปรกับการจัดการวิกฤตเงินเฟ้อ ภาวะของแพง ปัญหาค่าครองชีพและน้ำมันแพงล้วนเป็นมรสุมลูกใหญ่ บวกกับการแต่งตั้ง Chris Pincher ให้เป็นรองประธานวิปรัฐบาลเมื่อต้นปีที่ผ่านมาทั้งๆ ที่มีข่าวฉาวเรื่องล่วงละเมิดทางเพศ Johnson กล่าวขอโทษหลังจากที่ก่อนหน้านี้จะปฏิเสธว่าไม่รู้เรื่องมาก่อนจนทำให้สมาชิกในพรรคผิดหวังในตัวเขามาก

Johnson ระบุว่า สำหรับกระบวนการในการคัดเลือกผู้นำคนใหม่ของพรรคอนุรักษ์นิยมนั้นควรจะเริ่มขึ้นตอนนี้และคาดว่าจะประกาศภายในสัปดาห์หน้า เขาบอกว่าเขาตั้งใจจะดำรงตำแหน่งจนกว่าจะจะได้ผู้นำคนใหม่ การตัดสินใจที่จะดำรงตำแหน่งต่อไปของเขายังขาดแรงสนับสนุนจากภายในพรรคและมีเสียงจำนวนมากที่อยากให้เขาลาออกทันที

เขาบอกว่าเขารู้สึกเสียใจมากที่จะต้องลงจากตำแหน่งงานที่สุดในโลกนี้เสีย กระแสเรื่องการเตรียมลาออกของเขาลือมาตั้งแต่คืนวันอังคาร เขาปฏิเสธที่จะลาออกหลายครั้งหลายคราแต่ในที่สุดก็ถึงเวลาที่เขาต้องลงจากตำแหน่งเสียทีด้วยวัย 58 ปี เดือนที่แล้วเขาเพิ่งจะรอดพ้นจากการโหวตลงมติไม่ไว้วางใจมาได้หลังปมจัดปาร์ตี้ในช่วงโควิดนี่เอง แต่การลาออกของเขานั้นคาดว่าจะดำรงตำแหน่งต่อไปจนถึงวันที่ 2-5 ตุลาคม

การลาออกของ Johnson จะนำไปสู่การแข่งขันระดับผู้นำเพื่อตัดสินว่าใครจะเป็นหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมคนใหม่ ผู้สมัครจะต้องได้รับการสนับสนนุนจาก ส.ส. ของพรรคและสองคนสุดท้ายจะต้องแข่งขันในการลงคะแนนเสียงของสมาชิกพรรคฯ ทั้งอดีตรัฐมนตรีคลัง Rishi Sunak, รัฐมนตรีต่างประเทศ Liz Truss, อดีตรัฐมนตรีสาธารณสุข Sajid Javid, อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ Jeremy Hunt, อดีตรัฐมนตรีกระทรวงเคหะและชุมชน Michael Gove, รัฐมนตรีการค้าระหว่างประเทศ Penny Mordaunt และ Ben Wallace รัฐมนตรีกลาโหม รายชื่อเหล่านี้ล้วนถูกจับตามองว่าจะเข้าสู่การแข่งขันเป็นผู้นำพรรคคนใหม่รายต่อไป

ที่มา – CNBC, Business Insider

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา