BMW เบอร์ 1 รถหรูไทย 3 ปีซ้อน ชี้เทคโนโลยีตัวแปรสำคัญ มองรถยนต์ไฟฟ้าคืออนาคต

BMW ประเทศไทย ประกาศเป็นเบอร์ 1 รถยนต์หรู 3 ปีซ้อน ปี 2565 มียอดรถจดทะเบียนทั้งหมด 15,010 คัน ชี้ผู้มีกำลังซื้อใช้เทคโนโลยีเป็นตัวแปรในการตัดสินใจ ย้ำรถยนต์ไฟฟ้าคืออนาคต เตรียมแผนดันสัดส่วนการขายเพิ่ม

BMW

BMW เบอร์ 1 รถยนต์หรูในไทย 3 ปีซ้อน

อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธาน และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เล่าให้ฟังว่า BMW Group ประเทศไทย มียอดขายรถยนต์หรูเป็นเบอร์ 1 ในไทย 3 ปีซ้อน โดยในปี 2565 มียอดจดทะเบียนทั้งหมด 15,010 คัน แบ่งเป็น BMW 13,572 คัน และ Mini 1,438 คัน

“เทคโนโลยี คือตัวแปรสำคัญที่ทำให้ BMW Group ขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของตลาดรถยนต์หรู นอกจากเรื่องสมรรถนะที่ลูกค้าเชื่อใจ ส่วนในปี 2566 บริษัทยังเดินหน้าทำตลาดอย่างต่อเนื่อง ผ่านการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ รวมถึงบริการทางการเงินต่าง ๆ เพื่อตอบโจทย์การซื้อรถยนต์หรูในประเทศไทย”

อย่างไรก็ตามในปี 2566 ทาง BMW มีแผนปรับราคารถยนต์รุ่นต่าง ๆ เพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบ รวมถึงต้นทุนค่าขนส่งปรับตัวเพิ่มขึ้น เช่น รุ่น 220i Gran Coupé M Sport จากราคาเดิมรวมแพ็กเกจ BSI 2,279,000 บาท เป็น 2,299,000 บาท เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2566 เป็นต้นไป

รถกลุ่ม Luxury ยังเติบโตต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน รถยนต์ Luxury Class ที่ประกอบด้วย 7 Series, 8 Series, X7 และ M8 มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดจดทะเบียนมากขึ้น 8% จากปี 2564 ทำให้บริษัทเตรียมทำตลาดรถยนต์กลุ่มดังกล่าวเพิ่มเติม เช่น การเปิดดัวรถยนต์รุ่น XM รถ SUV ระบบ Plug-in Hybrid สมรรถนะสูง พร้อมดีไซน์ล้ำสมัย

“การทำตลาดกับลูกค้าที่มีโอกาสใช้งาน Luxury Class ของ BMW จะมีการใช้กิจกรรมพิเศษมอบประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่ได้รับนอกเหนือจากการใช้งานรถยนต์ Luxury Class ซึ่งแผนดังกล่าวถือเป็นกลยุทธ์ที่ถูกต้อง และเพิ่มความสนใจให้กับรถยนต์กลุ่มนี้ของ BMW จนปี 2565 มียอดจดทะเบียนที่ 458 คัน เพิ่มขึ้น 25.8%”

นอกจากการเปิดตัว XM เพื่อตอบโจทย์ Luxury Class ทาง BMW ยังเปิดตัวรถยนต์รุ่นอื่น ๆ เพื่อทำตลาดในประเทศไทยในปี 2566 ประกอบด้วย รุ่น X1 sDrive18i โฉมใหม่, X7 xDrive40d M Sport ใหม่, 750e xDrive M Sport ใหม่ และ 3 Series Gran Sedan ใหม่ เป็นต้น

รถยนต์ไฟฟ้าคืออนาคตของบริษัท

ด้านการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของ BMW ในปี 2565 ทางบริษัทมีส่วนแบ่งในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าล้วน (Battery Electric Vehicle: BEV) ระดับพรีเมียม 40.8% ผ่านยอดจดทะเบียน 535 คัน เพิ่มขึ้น 5 เท่าจากปี 2564 พร้อมกับขยายเครือข่ายชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าถึง 900 หัวจ่ายทั่วประเทศ และคืออนาคตของบริษัทหลังจากนี้

ทั้งนี้ในปี 2565 มีรถยนต์ไฟฟ้าล้วนจดทะเบียนในประเทศไทยทั้งหมดราว 9,600 คัน และนับถึงปัจจุบันมีรถยนต์ไฟฟ้าล้วนจดทะเบียนสะสมทั้งหมดราว 13,700 คัน โดยมีการคาดการณ์ว่าในปี 2566 จะมีรถยนต์ไฟฟ้าล้วนจดทะเบียนหลักหมื่นคัน และภายใน 3 ปีข้างหน้าในปีนั้นจะมีรถยนต์ไฟฟ้าล้วนจดทะเบียนกว่าแสนคัน

อย่างไรก็ตามการเพิ่มขึ้นของรถยนต์ไฟฟ้ายังมีอัตราความเร็วที่มากกว่าสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า โดยปัจจุบันอยู่ที่อัตราส่วนรถยนต์ไฟฟ้า 16 คัน ต่อสถานีชาร์จ 1 หัวจ่าย ซึ่งในกลุ่มประเทศยุโรป อัตราดังกล่าวจะอยู่ที่รถยนต์ไฟฟ้า 10 คัน ต่อสถานีชาร์จ 1 หัวจ่าย

สรุป

BMW แซงหน้า Mercedes-Benz ขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ตลาดรถยนต์หรูในประเทศไทยอีกปี ถือเป็นการตอกย้ำความสำเร็จของแผนการทำตลาดรถยนต์หรูในช่วงหลัง ยิ่งภาพลักษณ์รถยนต์ไฟฟ้าของ BMW นั้นชัดเจนกว่าคู่แข่ง ผ่านรุ่นรถยนต์ไฟฟ้าล้วนในไทยที่มีให้เลือกเยอะกว่า จึงเป็นงานหนักของ Mercedes-Benz ในการทวงคืนตำแหน่งด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติม // ในปี พ.ศ. 2565 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มียอดขายรถยนต์กว่า 2.3 ล้านคัน และมอเตอร์ไซค์กว่า 202,895 คันทั่วโลก

อ่านเพิ่มเติม

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา