บริษัทเทคโนโลยีระดับโลกส่งจดหมายเตือนฮ่องกง อาจยกเลิกการลงทุนหากกฎหมายข้อมูลส่วนบุคคลฉบับใหม่ผ่าน เพราะเกรงทางการแทรกแซง ทำลายเสรีภาพในการแสดงความเห็น
Asia Internet Coalition สมาคมการค้าของบริษัทเทคโนโลยียื่นจดหมายในนามของ 15 บริษัทเทคโนโลยีระดับโลก (รวมถึง Apple, Facebook, และ Google) ถึงสำนักงานกรรมาธิการความเป็นส่วนตัวสำหรับข้อมูลส่วนบุคคลฮ่องกงว่า กฎหมายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลที่ฮ่องกงเพิ่งเสนอไปอาจส่งผลถึงการลงทุนและการให้บริการของบริษัทเทคโนโลยีในฮ่องกง
ฮ่องกงเพิ่งจะเสนอแก้ไขกฎหมายข้อมูลส่วนบุคคลเพิ่มเติม โดยระบุให้คณะกรรมาธิการความเป็นส่วนตัวของฮ่องกงมีอำนาจในการร้องขอไปยังผู้บริการแพลตฟอร์มในการลบการเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวที่เกิดจากการล่าแม่มด (Doxxing) หากผู้ใดฝ่าฝืนจะมีโทษ จำคุกสูงสุด 5 ปี และปรับเงินไม่เกิน 128,000 ดอลลาร์ (4.11 ล้านบาท)
15 บริษัทที่ร่วมส่งจดหมายประกอบด้วย Apple, Facebook, Google, Expedia, Amazon, Line, LinkedIn, Rakuten, SAP, Airbnb, Twitter, Grab, Yahoo, Booking.com และ Cloudflare
ไม่เห็นด้วยกับการล่าแม่มด แต่ไม่ไว้ใจฮ่องกงที่ใกล้ชิดจีน
ด้วยความที่กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ถูกบังคับใช้ในฮ่องกง ทำให้ฮ่องกงมีความใกล้ชิดกับจีนแผ่นดินใหม่ในแง่กฎหมายและการเมืองมากยิ่งขึ้น บริษัทยักษ์ใหญ่เกรงว่าข้อกฎหมายใหม่ที่เสนอจะเป็นเครื่องมือในการเซนเซอร์ข้อมูลข่าวสารและการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว ของฝ่ายประชาธิปไตยในฮ่องกง
มีการระบุชัดว่า กฎหมายดังกล่าวระบุนิยามของคำว่า ‘ล่าแม่มด’ กว้างและคลุมเครือเกินไป เอื้อให้รัฐบาลตีความเกินตัวบทและตีรวมว่าการเผยแพร่ข้อมูลของฝ่ายประชาธิปไตยในฮ่องกงเข้าข่าย ‘ล่าแม่มด’ ไปเสียทุกเรื่อง
นอกจากนี้บริษัทเทคโนโลยียังกังวลว่าหากการเปลี่ยนแปลงแก้ไขกฎหมายเกิดขึ้น พนักงานของตนจะมีความรับผิดตามตามกฎหมายดังกล่าวและอาจถูกข่มขู่คุกคามโดยรัฐให้ทำตามคำสั่งในการจำกัดเนื้อหาบนแพลตฟอร์ม
ยังมีการระบุอีกด้วยว่า การระบุโทษทางอาญาสำหรับพนักงานเป็นสิ่งที่ไม่จำและทำเกินไปเป็นเพราะแพลตฟอร์มไม่มีอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขเนื้อหา และการให้บริการส่วนใหญ่ก็ถูกทำผ่านสำนักงานใหญ่ระดับภูมิภาคนอกฮ่องกง
ร้ายแรงที่สุดบริษัทอาจระงับการลงทุนและให้บริการในฮ่องกง
จดหมายระบุชัดว่า การจำกัดการเผยแพร่ข้อมูลจะกระทบการไหลเวียนข้อมูลอย่างเสรีในฮ่องกง อาจส่งผลต่อฮ่องกงที่มีสถานะความเป็นเมืองสากลที่บริษัทข้ามชาติอยากเข้ามาลงทุน ความเป็นไปได้ในการเอาผิดพนักงานจะสร้างความไม่แน่นอนให้กับธุรกิจและส่งผลกระทบต่อการพัฒนาของฮ่องกงในฐานะศูนย์กลางนวัตกรรมและเทคโนโลยี
การล่าแม่มดเป็นถือเป็นเรื่องร้ายแรงสำหรับบริษัท แต่กฎหมายดังกล่าวก็อาจทำให้บริษัทเทคโนโลยีระงับการลงทุนและการให้บริการในฮ่องกง ซึ่งแน่นอนว่าจะกระทบต่อธุรกิจและผู้บริโภคในฮ่องกง ในขณะเดียวกันก็สร้างอุปสรรคทางการค้าเพิ่มขึ้นมา
[Opinion] เรื่องนี้ถือว่าเป็นกระแสที่สอดคล้องกับเรื่องราวในภาพใหญ่อย่างการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงในฮ่องกงที่ทำให้การเมืองและระบบกฎหมายโน้มเอียงไปใกล้ชิดกับจีนแผ่นดินใหญ่มากขึ้น จนทำให้บริษัทข้ามชาติจำนวนมากเริ่มย้าย (หรือมีแผนที่จะย้าย) ออกจากสถานที่ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นศูนย์กลางทางการเงิน มีระบบกฎหมายที่รับรองการทำธุรกิจอย่างเสรี
เข้าถึงจดหมายของ Asia Internet Coalition ฉบับเต็มได้ ที่นี่
ที่มา – WSJ, Nikkei Asia, Forbes
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา