อีกความภูมิใจของอังกฤษ Aston Martin เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนภายในปีนี้

เรียกว่าเป็นหนึ่งเดียวของแบรนด์รถยนต์สัญชาติอังกฤษแท้ๆ ที่ยังไม่ขายกิจการให้ชาติอื่น เพราะ Aston Martin สามารถคงจุดนี้ไว้นานกว่า 100 ปี และล่าสุดแบรนด์รถหรูรายนี้ก็กำลังจะเข้า IPO ที่ตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนด้วย

Aston Martin รุ่น DB11

ก้าวใหม่ในตลาดหลักทรัพย์เพื่อต่อยอดธุรกิจ

ถ้าให้ไล่แบรนด์รถยนต์สัญชาติอังกฤษ หลายคนคงนึงถึง Rolls-Royce, Jaguar, Bentley และ Aston Martin แต่รู้หรือไม่ว่า 3 ชื่อแรกนั้นต่างขายกิจการไปให้กับบริษัทต่างชาติ ทำให้เหลือเพียง Aston Martin ที่ยังมีเจ้าของเป็นชาวอังกฤษอยู่จริงๆ และนั่นทำให้เจ้าของแบรนด์ค่อนข้างภูมิใจในเรื่องนี้มาก

Andy Palmer ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Aston Martin เล่าให้ฟังว่า การที่บริษัทเป็นแบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์จากอังกฤษแท้ๆ เพียงไม่กี่แบรนด์ แต่สามารถยืนระยะมาได้ถึง 105 ปี ถึงตอนนี้ก็น่าจะเป็นเวลาเหมาะสมแล้วที่ Aston Martin จะก้าวไปอีกขั้นด้วยการเสนอขายหุ้นใหม่แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก หรือ IPO

“ผลกำไรของเราเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมา 7 ไตรมาส และสามารถพลิกธุรกิจจากที่จะล้มละลายมาถึง 7 ครั้ง แสดงให้เห็นว่าเราเริ่มเดินมาถูกต้องแล้ว และการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนภายในปีนี้ก็น่าจะเป็นอีกเครื่องมือสำคัญในการสร้างอาการเติบโตให้กับธุรกิจในอนาคต”

ทั้งนี้การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนภายในปีนี้คาดว่าจะทำให้มูลค่ากิจการ Aston Martin เพิ่มขึ้นเป็น 5,000 ล้านปอนด์ (ราว 2.13 แสนล้านบาท) และแผนสำคัญหลังจากได้เงินทุนมาคือเน้นทำตลาดเอเชียมากขึ้นเพื่อรับกับยอดขายที่เติบโต รวมถึงส่งแบรนด์ Lagonda กลับมาทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าระดับ Luxury ด้วย

สำหรับยอดขายในแง่จำนวนของ Aston Martin คาดว่าปีนี้จะทำได้ 6,200-6,400 คัน และจะเพิ่มขึ้นเป็น 9,800 คันภายในปี 2563 ส่วนเรื่องยอดขายในแง่มูลค่าบริษัทเปิดเผยว่าในครึ่งปีแรกทำได้ 449.9 ล้านปอนด์ (ราว 19,000 ล้านบาท) และมีผลกำไรอยู่ที่ 20.8 ล้านปอนด์ (ราว 886 ล้านบาท)

สรุป

เรียกว่าการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของ Aston Martin น่าจะสร้างแรงกระเพื่อมในตลาดรถยนต์อังกฤษเป็นอย่างมาก เพราะแบรนด์นี้หลักๆ แล้วจำหน่ายแต่รถสปอร์ต แต่ด้วยดีไซน์ที่ถูกใจชาวเอเชีย ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และก็ไม่แปลกที่อนาคตรถยนต์ของสายลับ 007 จะเติบโตไปได้อีกไกล

อ้างอิง // Business Insider

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา