Aston Martin แบรนด์รถยนต์เก่าแก่จากอังกฤษ ประกาศปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินธุรกิจ ไล่ตั้งแต่การคืนชีพเกียร์ธรรมดา ควบคู่การทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าแบบไฮบริด และลดการสับสนด้วยการลดจำนวนชื่อรุ่นคล้ายกับกรณีของ Porsche หลังแต่งตั้งอดีตผู้นำของ Bentley ขึ้นเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่มา 5 เดือน
ปัดฝุ่นแบรนด์ Aston Martin ให้กลับมายิ่งใหญ่
สำนักข่าว Electrek รายงานว่า Adrian Hallmark ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Aston Martin มองว่า Porsche เป็นตัวอย่างที่ดีในการพัฒนารถยนต์หลากหลายรุ่นจากชื่อรุ่นเดียวกัน ซึ่ง Aston Martin ควรเดินไปในทิศทางนี้ อีกทั้งยังเตรียมนำเกียร์ธรรมดากลับมาเพื่อตอบสนองตลาดรถสปอร์ตที่ต้องการประสบการณ์การขับขี่แบบดั้งเดิม
“เราได้พิจารณาทิศทางของชื่อรุ่นต่าง ๆ และเห็นว่าเราจำเป็นต้องมีเกียร์ธรรมดาในกลุ่มรถสปอร์ตที่ให้ประสบการณ์ขับขี่ที่ดีที่สุด” ซึ่งเกียร์ดังกล่าวนั้นหมายถึงระบบเกียร์ 6 สปีดที่ใช้ในรุ่น Valour และ Valiant ซึ่งเป็นรถยนต์รุ่นพิเศษ แต่ต้องการให้เกียร์ธรรมดามีให้เลือกอย่างแพร่หลายในรุ่นอื่นที่จำหน่ายเป็นการทั่วไป
ขณะเดียวกัน Aston Martin ยังเตรียมจูงใจกลุ่มมีกำลังซื้อสูงด้วยการเพิ่มแพ็กเกจสี และการตกแต่งหลากหลายรูปแบบ เพื่อปลดปล่อยความเป็นส่วนบุคคลให้ออกมามากที่สุด ควบคู่กับการปรับแต่งช่วงล่าง และเครื่องยนต์ผ่านการใช้แนวคิดเดียวกับที่ใช้พัฒนารถแข่ง ซึ่งเบื้องต้นจะจำหน่ายในบางตลาดก่อน
SUV ที่ต้องหรู และรถยนต์ไฮบริดต้องมี
รถยนต์รุ่นต่าง ๆ ที่ปรากฏข้างต้นจะเป็นกลุ่มรถสปอร์ต แต่ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่นี้มองว่า DBX หรือรถยนต์แบบ SUV ของบริษัทที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ตลาดนี้ที่กำลังเติบโตสามารถทำให้หรูยิ่งขึ้นได้ แต่ไม่ต้องหรูในระดับ Ultra Luxury เพียงแต่ให้ความสะดวกสบาย และผ่อนคลายเมื่อขับขี่ในความเร็วต่ำ
ในทางกลับกัน Aston Martin วางแผนเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด โดยรุ่น Valhalla จะเป็นรุ่นแรกที่ใช้ระบบขับเคลื่อนนี้ ขณะที่รถยนต์เครื่องยนต์วางหน้าก็จะได้รับการพัฒนาไปสู่ระบบไฮบริดเช่นกัน เพราะตัวถังของรถยนต์ Aston Martin มีความยืดหยุ่นสูง ซึ่งเอื้อต่อการเพิ่มเทคโนโลยีใหม่เข้าไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปัจจุบัน Aston Martin มีความร่วมมือกับ Lucid (บริษัทสตาร์ตอัปด้านรถยนต์ไฟฟ้า) ในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าล้วน แต่ระบบขับเคลื่อนไฮบริดจะถูกพัฒนาแยกออกไป ส่วนรถยนต์ไฟฟ้าล้วน Aston Martin จะเปิดตัวภายในอีก 5 ปีข้างหน้า และตั้งเป้าเป็น 15% ของยอดขาย ภายในปี 2030 ส่วนที่เหลือเป็นรถยนต์สันดาป และไฮบริด
เดินหน้าธุรกิจอย่างยั่งยืนโดยมีกำไร
Adrian Hallmark เสริมว่า บริษัทยังเน้นย้ำถึงการเพิ่มทางเลือกในการปรับแต่งรถยนต์ให้กับลูกค้า โดยมีการศึกษารายการออปชันของคู่แข่ง และเลือกสิ่งที่สามารถนำมาปรับใช้กับแบรนด์ Aston Martin ได้ โดยคาดว่าจะมีการเปิดตัวออปชันใหม่ ๆ ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
นอกจากนี้ เขายังมีเป้าหมายในการเปลี่ยน Aston Martin ให้กลายเป็นองค์กรที่มีประสิทธิภาพสูงทั้งในด้านธุรกิจและการผลิต โดยจะมีการประกาศผลประกอบการปี 2024 ในสิ้นเดือนนี้ พร้อมเผยกลยุทธ์ในการทำให้บริษัทสามารถทำกำไรได้อย่างยั่งยืน
“ภารกิจของผมคือการเป็นซีอีโอคนแรกในรอบ 112 ปี ที่สามารถทำให้ Aston Martin มีกำไรอย่างยั่งยืน” โดยปัจจุบัน Aston Martin เป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่ไม่ได้อยู่ใต้ผู้ผลิตแบรนด์ใด แต่ไม่ได้บริหารโดยกลุ่มผู้ก่อตั้งเดิม และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน โดยสิ้นไตรมาส 3 ปี 2024 จำหน่ายรถยนต์ได้ทั้งหมด 3,639 ลดลง 17%
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา