หาจุดร่วม ‘พาสปอร์ตวัคซีน’ ไม่ได้ ความท้าทายของประเทศในเอเชียที่พึ่งพาการท่องเที่ยว

เอเชียมอง “พาสปอร์ตวัคซีน” หวังฟื้นฟูธุรกิจการบินเพื่อธุรกิจให้เร็วขึ้น แต่การระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้าสร้างปัญหาระลอกใหม่ ชะลอการฟื้นตัวอีกครั้ง

สิงคโปร์

ประเทศสิงคโปร์อนุมัติให้พนักงานที่เป็นต่างด้าวเข้าประเทศได้ หากฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว โดยจะต้องได้รับการตรวจสอบแอนตี้บอดี้หลังมาถึง พร้อมกักตัวอีก 2 สัปดาห์หากเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงสูง

ก่อนหน้านี้ สิงคโปร์อนุมัติการเข้าประเทศแบบรายบุคคลเท่านั้น จึงทำให้พนักงานต่างด้าวจำนวนมากกลับเข้าประเทศไม่ได้

การคลายมาตรการครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากประชาชนในสิงคโปร์กว่า 71% ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสเรียบแล้ว

เวียดนาม และ ฟิลิปปินส์ 

เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ทางเวียดนามได้ลดเวลากักตัวของคนต่างชาติที่เดินทางเข้ามาเหลือ 7 วันจาก 14 วัน โดยต้องฉีดวัคซีนครบแล้ว

ทางฟิลิปปินส์เองก็คล้ายกัน ลดเวลากักตัวเหลือ 7 วันสำหรับผู้ที่เดินทางมาจากประเทศ “เสี่ยงต่ำ” และต้องฉีดวัคซีนที่ได้รับอนุมัติจากรัฐบาลหรือ WHO มาแล้ว

เกาหลีใต้

ปัจจุบัน สามารถเดินทางเข้าประเทศเกาหลีใต้ได้แล้ว พร้อมกักตัว 14 วัน แต่นักเดินทางบางประเภทที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว สามารถขอรับการยกเว้นการกักตัวได้ ซึ่งนอกจากวัคซีนที่ฉีดในประเทศแล้ว เกาหลีใต้ยังรองรับวัคซีน Sinopharm และ Sinovac จากจีนอีกด้วย ถือเป็นประเทศแรกที่ต้อนรับนักเดินทางจากประเทศที่ใช้วัคซีนดังกล่าว

บางส่วนในประเทศเกาหลีใต้มีข้อกังขาในเรื่องของการอนุญาติให้ไม่กักตัว เพราะล่าสุด มีเพียง 19% ของประชากรเท่านั้นที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว ซึ่งเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดครั้งใหม่อีกครั้ง

สหภาพยุโรป

ตั้งแต่เดือนก.ค. สหภาพยุโรปได้ออกใบรับรองการฉีดวัคซีนโควิดแบบดิจิทัลที่สามารถใช้เดินทางได้ใน 27 ประเทศสมาชิก รวมถึงประเทศอื่นๆ เช่น สวิสเซอร์แลนด์ และ นอร์เวย์ ด้วย

ผู้ที่ถือใบรับรองจะต้องแสกน QR code เวลาเดินทางข้ามเขตแดนของแต่ละประเทศเพื่อรับใบอนุมัติการยกเว้นการกักตัว ซึ่งหลายประเทศใน EU จะละเว้นการกักตัวหากเดินทางมาจากประเทศ “ปลอดภัย” และมีใบรับรองว่าไม่เป็นโควิด ถึงแม้จะไม่ได้ฉีดวัคซีนก็ตาม

ญี่ปุ่น

ผู้ที่เดินทางจากประเทศญี่ปุ่นและถือใบรับรองวัคซีนสามารถเดินทางไป 16 ประเทศ เช่น อิตาลี เยอรมัน และ ฮ่องกง เป็นต้น ได้โดยไม่ต้องกักตัวหรือส่งผลตรวจโควิด แต่ผู้ที่ต้องการเข้าประเทศญี่ปุ่นต้องกักตัว 14 วัน เพราะทางรัฐบาลกลัวว่ายอดผู้ติดเชื้อจะเพิ่มมากขึ้นไปอีก ทำให้ถูกตำหนิว่าไม่ยอมลดหย่อนมาตรการให้ประเทศที่ละเว้นให้ญี่ปุ่น ซึ่งจะทำให้ประเทศอื่นๆ เจรจาการลดหย่อนมาตรการการเดินทางช้าลง

ล่าสุด ประเทศญี่ปุ่นมีผู้ติดเชื้อที่ 18,000 คน เป็นยอดที่สูงเป็นประวัติการณ์หลังโอลิมปิกจบลง และมีเพียง 37% ของประชากรที่ฉีดวัคซีนแล้ว 

ภาพจาก shutterstock

ฟื้นฟูการเดินทางระหว่างประเทศ

เห็นได้ว่าประเทศในเอเชียยังไม่มีระบบที่ใช้ร่วมกันได้ ซึ่งจะเป็นปัญหาหลักในการเดินทางระหว่างประเทศอีกครั้ง

Pavlina Navratilova ผู้จัดการตลาดเอกลักษณ์ประจำชาติและสุขภาพที่ Idemia กล่าวว่า “รัฐบาลจากหลายประเทศสนใจทางออกที่ใช้ร่วมกันได้ การมีใบรับรองร่วมกันจะทำให้ประชาชนของตัวเองเดินทางออกไปสู่ประเทศที่ใช้ระบบเดียวกันได้ง่ายขึ้น รวมถึงสามารถรองรับนักเดินทางต่างชาติที่ใช้ระบบที่รองรับได้ง่ายขึ้นเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับหลายประเทศที่พึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยว”

โดยแนวคิด Travel Bubble อย่างโปรเจคภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์น่าจะกลับมานิยมอีกครั้ง และหลายประเทศอาจจะเริ่มเปิดพื้นที่ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการ เมื่อยอดฉีดวัคซีนในพื้นที่สูงพอประมาณแล้ว

สรุป

การเดินทางระหว่างประเทศกำลังฟื้นฟูเรื่อยๆ เมื่อยอดฉีดวัคซีนสูงมากขึ้น และประเทศต่างๆ ต้องหาวิธีรับรองนักเดินทางที่ฉีดวัคซีนแล้วให้เดินทางได้เร็วขึ้นเพื่อลดการเสียเวลา ซึ่งการมีระบบร่วมกันจะช่วยลดความยุ่งยากลงมากแต่อาจจะทำได้ยากในเอเชีย ด้วยสถานการณ์การติดเชื้อและการฉีดวัคซีนที่ไม่เหมือนกัน

ที่มา – Asia Nikkei

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา