Didi บริการเรียกรถร่วมเดินทาง (ride-hailing) รายใหญ่ที่สุดของจีน นอกจากจะซื้อกิจการของ Uber ในจีนไปเมื่อ ส.ค. ปีที่แล้ว กำลังโฟกัสกับระบบรถไร้คนขับ (self-driving) โดยเปิดศูนย์พัฒนาระบบ AI ขึ้นที่คาลิฟอร์เนีย ถือเป็นการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญของ Didi หลังจากขยายธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, อินเดีย และบราซิล
เป็นครั้งแรกที่ Didi มีการลงทุนตั้งศูนย์พัฒนานอกประเทศจีน ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องในการตั้งศูนย์ด้าน AI เพราะที่นี่เป็นแหล่งรวมผู้เชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะ และทำให้มีการแข่งขันในการพัฒนารถไร้คนขับอย่างสูง
ไม่เพียงแต่ตั้งศูนย์ แต่ Didi ได้ดึงตัว Charlie Miller วิศวกรชื่อดัง ที่สามารถแฮ็คและหยุดรถ Jeep ที่กำลังขับอยู่บนถนนไฮเวย์จากระยะไกลได้ โดยจะมาทำหน้าที่หัวหน้าฝ่ายพัฒนาระบบความปลอดภัย โดย Miller ประกาศว่าได้ออกจาก Uber เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
After 1.5 years, today I'm moving on from @Uber. I've enjoyed the challenge of making their autonomous cars as secure as possible.
— Charlie Miller (@0xcharlie) March 3, 2017
การมาร่วมงานกับ Didi นั้น Miller จะทำงานร่วมกับ Dr.Fengmin Gong ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Palo-Alto Networks และเป็นรองประธานฝ่ายความปลอดภัยข้อมูลของ Didi
สำหรับฝ่ายรถไร้คนขับของ Uber ซึ่งรู้จักในชื่อ Advanced Technology Group เกิดความเปลี่ยนแปลงภายในพอสมควร โดยเฉพาะฝ่ายวิศวกรที่มีพนักงานระดับสูงลาออกไป 3 คนก่อนหน้านี้ ถือเป็นบุคลากรสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีรถไร้คนขับ
นอกจากการได้ตัว Miller มาแล้ว Didi ยังดึงวิศวกรมือดีด้านรถไร้คนขับจาก Google นามว่า Jia Zhaoyin ถือเป็น วิศวกรอาวุโสด้านซอฟต์แวร์คนสุดท้ายของโปรเจครถไร้คนขับ Waymo ของ Google
เห็นได้ชัดว่า Didi กำลังเน้นพัฒนาระบบการขับขี่อัจฉริยะและระบบ AI ที่ใช้ในการขนส่ง รวมถึงจับมือเป็นพันธมิตรกับ Udacity วิทยาลัยด้าน nanodegree ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในรถไร้คนขับ ความว่า Didi และพันธมิตรจะเป็นบริษัทแรกๆ ที่มาจ้างคนจบใหม่จากที่นี่
เวลานี้ ทั้ง 2 บริษัทได้เปิดการแข่งขันพัฒนาเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติ รางวัลมูลค่า 100,000 ดอลลาร์ ผู้เข้าร่วมแข่งขันจะร่วมพัฒนาระบบเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย และ 5 คนที่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย จะได้ทดสอบจริงกับรถของ Udacity ผู้ชนะนอกจากจะได้เงินกลับบ้าน ยังมีโอกาสทำงานในศูนย์วิจัยของ Didi
เห็นได้ชัดว่า Didi เอาจริงสุดๆ
ที่มา: recode.net
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา