นอร์เวย์เป็นประเทศที่สนับสนุนการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าล้วนเต็มที่ ทำให้ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าล้วนในปี 2020 ปิดที่ 54% ของรถยนต์ทั้งหมด เติบโตเร็วกว่าแผนเลิกขายรถยนต์น้ำมันในปี 2025 ที่ทางการกำหนดไว้
สนามทดลองรถยนต์ไฟฟ้าของโลก
ปัจจุบันประเทศนอร์เวย์ให้การสนับสนุนการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าล้วนเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนเรื่องราคา และภาษีจนผู้บริโภคที่นั่นเข้าถึงรถยนต์ไฟฟ้าล้วนได้ง่ายขึ้น ทั้งยังให้สิทธิประโยชน์อื่นๆ เช่นการวิ่งในเลนรถบัส หรือได้ส่วนลดค่าทางด่วน และค่าข้ามเรือ รวมถึงมีสถานีชาร์จไฟฟ้ากว่า 10,000 จุดทั่วประเทศ
เหตุที่ประเทศนอร์เวย์เดินหน้าแผนดังกล่าวเพราะต้องการหยุดจำหน่ายรถเครื่องยนต์สันดาปภายใน หรือรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเพียงอย่างเดียวตั้งแต่ปี 2025 ซึ่งจากนโยบายนี้เองทำให้ผู้บริโภคต่างหันมาซื้อรถยนต์ไฟฟ้าล้วนอย่างมหาศาล
ในปี 2020 ยอดขายรถยนต์ในประเทศนอร์เวย์เป็นรถยนต์ไฟฟ้าถึง 54% และหากนำรถยนต์ไฟฟ้าแบบ Hybrid ไปรวมด้วยจะคิดเป็น 83% ทำให้เหลือพื้นที่รถยนต์ที่ใช้น้ำมันเพียงอย่างเดียวแค่ 17% ถือเป็นการหดตัวอย่างหนัก เพราะในปี 2015 สัดส่วนยอดขายรถยนต์ใช้น้ำมันเพียงอย่างเดียวอยู่ที่ 71%
สำหรับแบรนด์ที่จำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าล้วนได้มากที่สุดในประเทศนอร์เวย์คือ Audi ผ่านการจำหน่ายรุ่น e-tron ได้ 9,227 คัน รองลงมาเป็น Tesla ทั้งหมด 7,770 คัน ตามด้วย Volkswagen รุ่น ID.3 ที่ 7,754 คัน ในทางกลับกันด้วยการสนับสนุนที่หนักหน่วงทำให้ผู้ผลิตรถยนต์หลายค่ายเลือกประเทศนี้เป็นสนามทดสอบรถยนต์ไฟฟ้าล้วน
สรุป
ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว แต่การเปลี่ยนแปลงนั้นต้องมาจากการสนับสนุนอย่างเต็มที่ของหน่วยงานภาครัฐ เพราะหากไม่มีการสนับสนุน รถยนต์ไฟฟ้าล้วนยังเป็นแค่ของเล่นคนรวย และถึงซื้อมาใช้จริงๆ หากโครงสร้างพื้นฐานยังไม่พร้อม โดยเฉพาะสถานีชาร์จไฟฟ้า ประเทศอื่นๆ ก็คงจะเจริญรอยตามนอร์เวย์ได้ยาก
อ้างอิง // CNN
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา