โควิด-19 ระบาดกว่า 1 ปีแล้ว องค์การอนามัยโลก (WHO) เตรียมทีมลงพื้นที่อู่ฮั่น จีน มกราคมปีหน้านี้ เพื่อตรวจสอบต้นตอที่มาของโควิด-19 ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ วิพากษ์วิจารณ์จีนและองค์การอนามัยโลกในการจัดการโควิด-19 ระบาดอย่างหนักหน่วงจนโดนัลด์ ทรัมป์ถอนตัวและระงับทุนสนับสนุน WHO ไปแล้ว
กว่า 1 ปีแล้วที่ค้นพบโควิด-19 ครั้งแรกที่อู่ฮั่น จีน นักวิจัยจากองค์การอนามัยโลก (WHO) เตรียมลงพื้นที่ตลาดสดซึ่งเป็นจุดแรกที่มีการระบาดของโควิด-19 โดย Peter Ben Embarek ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคในสัตว์จาก WHO ระบุว่า ทีมนักวิจัยต้องการสัมภาษณ์ผู้ที่ติดโควิด-19 ในช่วงแรกๆ ซ้ำอีกครั้ง และคาดว่าอาจจะได้ข้อมูลสำคัญเพิ่มเติม เขามองว่า ไม่มีตัวชี้วัดใดที่บ่งบอกได้เลยว่าไวรัสนี้เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น
เขาบอกว่า ช่วงก่อนเดือนธันวาคม 2019 เราไม่รู้เลยว่าจริงๆ แล้วอะไรเกิดขึ้นกันแน่ เราไม่รู้ว่าไวรัสที่ส่วนใหญ่น่าจะอยู่ในหมู่สัตว์ประเภทค้างคาวมาแพร่เชื้อสู่คนได้อย่างไร เราจำเป็นต้องรื้อประวัติศาสตร์ใหม่
อย่างไรก็ดี โควิด-19 นี้ บ้างก็ว่ามาจากค้างคาวเกือกม้า (horseshoe bats) บ้างก็ว่าต้องมีตัวกลางที่ทำให้ไวรัสแพร่เชื้อจากค้างคาวสู่คนได้ บางข้อมูลก็ระบุว่าไวรัสมาจากนอกประเทศจีนบ้าง ไวรัสเป็นสิ่งที่คนทำขึ้น หลุดออกมาจากห้องแล็บบ้าง แต่ข้อมูลดังกล่าวก็ยังมีความไม่ชัดเจน คลุมเครือ
ขณะเดียวกัน ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสหรัฐฯ และจีนก็อยู่ในขั้นตกต่ำถึงขีดสุด แย่ที่สุดนับตั้งแต่สานสัมพันธ์กันมา สหรัฐฯ มองว่าจีนล้มเหลวที่ไม่สามารถควบคุมการระบาดของไวรัสได้ อีกทั้งยังปกปิดข้อมูลนับตั้งแต่ที่เริ่มมีการระบาด
Fabian Leendertz นักชีววิทยาจากสถาบัน Robert Koch แห่งเยอรมนี ระบุว่า จริงๆ แล้วนี่ไม่ใช่การค้นหาว่าเป็นความผิดของใคร ประเทศไหนผิด แต่เป็นการพยายามทำความเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งสมมติฐานแรกที่ว่าคือการหาความเชื่อมโยงกับ ‘patient zero’ หรือ ผู้ป่วยคนแรกที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด-19 ซึ่งเกิดขึ้นครั้งแรกในตลาดอู่ฮั่นที่มีการค้าขายสัตว์ป่า แต่ตอนนี้มีการพิจารณากันว่าไม่น่าเป็นเช่นนั้นแล้ว เพราะผู้ป่วยช่วงแรกๆ หลายคนไม่ได้มีจุดเชื่อมโยงกับพื้นที่ดังกล่าว
ทั้งนี้ ที่ประชุม WHO ได้ตกลงกันว่าจะให้ทีมผู้เชี่ยวชาญนานาชาติเดินทางไปจีนเพื่อทำการวิจัยหาต้นตอที่มาของไวรัสในเดือนพฤษภาคม แต่มีความล้มเหลวที่จะเดินทางไป เนื่องจากเงื่อนไขในการลงพื้นที่ตรวจสอบถูกควบคุมโดยจีน
ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ ก็มองว่ามีความไม่โปร่งใส ทั้งสหรัฐฯ และผู้แทนจากสหภาพยุโรปบางส่วนมองว่า เป็นการค้นหาที่ค่อนข้างช้าไปมาก ขณะที่ทีม WHO มองว่ายังไม่สายเกินไปที่จะลงมือทำ เป็นการทำงานระหว่างทีมจากนานาชาติและหุ้นส่วนที่มาจากจีน เพื่อลงพื้นที่ในอู่ฮั่น สัมภาษณ์เชิงลึกซ้ำ เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกที่แท้จริงมากขึ้น
ที่มา – Financial Times, Reuters
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา