Gulf + บุรีรัมย์​ ยูไนเต็ด ดันโครงการ Gulf Football Camp ส่งเด็กไทยไปดอร์ทมุนด์ ปีที่สอง

ท่ามกลางสถานการณ์โควิดและเศรษฐกิจชะลอตัวแบบนี้ แต่ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ กัลฟ์ (Gulf) หนึ่งในผู้ผลิตพลังงานของประเทศไทย ทั้งพลังงานไฟฟ้า ไอน้ำ และธุรกิจอื่นๆ ยังคงเดินหน้าโครงการ Gulf Football Camp: ชาร์จพลังปลุกฝันนักเตะเยาวชน เป็นปีที่สอง ย้ำให้เห็นว่าอุปสรรคต่างๆ ไม่มีผลต่อการทำเพื่อสังคม

ธนญ ตันติสุนทร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานกิจการองค์กร ของ กัลฟ์ บอกว่า ผลกระทบจากโควิดในเชิงธุรกิจมีบ้าง แต่ในภาพรวมธุรกิจด้านพลังงานยังเป็นไปได้ด้วยดี ในด้านการทำงานมีการนำเทคโนโลยีมาช่วยมากขึ้น และไม่ว่าอย่างไร ธุรกิจพลังงานยังเป็นพื้นฐานสำคัญของประเทศ และกัลฟ์ ก็ไม่ได้มีแค่ในไทย แต่ยังลุยตลาดต่างประเทศมาตลอด ดังนั้นในเชิงธุรกิจจึงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง

และเมื่อทางธุรกิจยังอยู่ในสถานการณ์ที่ดี การทำเพื่อสังคมก็ต้องดำเนินต่อไปเช่นกัน ซึ่งโครงการ Gulf Football Camp: ชาร์จพลังปลุกฝันนักเตะเยาวชน ในปีแรกจากความร่วมมือระหว่าง กัลฟ์ กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เป็นไปด้วยดี มีการจัดฟุตบอลคลีนิกให้ความรู้เรื่องฟุตบอลในพื้นที่ที่กัลฟ์มีโรงไฟฟ้าอยู่

“เหตุที่กัลฟ์เลือกกีฬา และเป็นกีฬาฟุตบอล เพราะนี่คือข้อเท็จจริงของสังคมไทย ฟุตบอลคือกีฬาที่ทุกคนจะสนุกด้วยกันได้ ทำให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมได้ง่ายที่สุด ทำลายกำแพงด้านอื่นๆ เพราะทุกคนพูดภาษาเดียวกัน คือ ภาษาฟุตบอล”

เมื่อโครงการปีแรกได้รรับการตอบรับที่ดีมาก โครงการปีที่สองจึงต่อเนื่องทันที แม้จะมีอุปสรรคจากโควิดที่ทำให้แผนการล่าช้าไปบ้าง แต่เมื่อชุมชนให้ความสนใจ มีนักฟุตบอลสนใจมากขึ้น กัลฟ์ และ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ก็เดินหน้าเต็มตัว

ไชยชนก ชิดชอบ รองผู้อำนวยการสายงานการตลาดและการสื่อสาร บริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จำกัด บอกว่า เป้าหมายของกัลฟ์คือการพัฒนาชุมชน อุตสาหกรรมฟุตบอล และเยาวชนไทย ซึ่งตรงกับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จากปีแรก มีการสร้างสนามฟุตบอล ที่ชัยภูมิ ซึ่งมีการใช้งานในหลายมิติ ให้เยาวชนได้พัฒนาตนเอง ชุมชนได้มีส่วนร่วม สร้างความสามัคคี มีการใช้ประโยชน์จริงเกิดขึ้น โดยเยาวชนในปีแรก ได้ไปร่วมฝึกซ้อมที่เมืองดอร์ทมุนด์ ประเทศเยอรมนี ได้เรียนรู้ มีการพัฒนามากขึ้น และอนาคตไม่ว่าจะได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพหรือไม่ การได้โอกาสไปดอร์ทมุนด์ถือเป็นประสบการณ์ มีส่วนช่วยพัฒนาตนเองแน่นอน

สำหรับปีที่สอง เลือกจังหวัดพัทลุง เป็นจุดหลักในการเข้าไปร่วมพัฒนากีฬา จากประสบการณ์ไปคัดนักฟุตบอลที่ภาคใต้ของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พบว่า มีนักฟุตบอลเยาวชนดีๆ เยอะมาก สังคมดีขึ้น เยาวชนใช้เวลาเรื่องกีฬามากขึ้นอย่างชัดเจน

ส่วนการคัดเลือกเยาวชนร่วมโครงการ จะมีการคัดเลือก เยาวชนจากบุรีรีมย์ อะคาเดมี 2 คน รวมกับเยาวชนอีก 2 คนจากการคัดเลือกของกัลฟ์ มาเก็บตัวที่แคมป์ของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เพื่อเรียนรู้ทักษะการฝึกซ้อมแบบมืออาชีพในด้านฟุตบอล โดยจะมีการสรุปผลในเดือน ม.ค. 64 และหากสถานการณ์ไม่น่าเป็นห่วง ในเดือน เม.ย. 64 จะเดินทางไปดอร์ทมุนด์ ประเทศเยอรมนี

กัลฟ์ มองว่า มีเด็กได้ไป 4 คน แต่หวังว่าผลกระทบไม่ได้มีแค่ 4 คนนี้ แต่เชื่อว่าจะส่งผลต่อในวงกว้างมากขึ้นเชื่อว่าจะเป็นโครงการที่เกิดประโยชน์กับสังคม ทำให้เด็กได้ใช้เวลาไปกับการออกกำลังกาย และเลือกกีฬาฟุตบอล ไม่ได้คาดหวังความเป็นเลิศ แต่ต้องการสร้างแรงบันดาลใจ และทำให้คนอื่นๆ อีกมากมายอยากออกมาเล่นกีฬากันมากขึ้น

ไชยชนก บอกว่า ส่วนสำคัญคือ ผู้ปกครอง ขอให้มั่นใจและเชื่อใจ พาเด็กๆ มาลอง เรื่องความปลอดภัย รับประกันมาตรการต่างๆ เป็นอย่างดีที่สุด ขณะที่น้องๆ เยาวชน อยากให้กล้าหาญ กล้าที่จะลอง เวลาที่เหลืออยู่ไม่เยอะ ใช้เวลาให้เต็มที่ให้คุ้มค่า แล้วมาลุยไปด้วยกัน ถ้าได้ไป ไม่ต้องห่วงอะไรเลย ไปหาประสบการณ์ได้เต็มที่

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา