เมื่อปี 2556 Mercedes-Benz ได้เข้ามาถือหุ้นใน Aston Martin 5% ผ่านข้อตกลงการพัฒนาเครื่องยนต์ร่วมกัน แต่ล่าสุด Mercedes-Benz ได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเป็น 20% เพื่อเข้ามาช่วยเหลือพาร์ทเนอร์รายนี้
Aston Martin ไม่ไหวในโลกธุรกิจ
การเข้ามาเพิ่มสัดส่วนหุ้นใน Aston Martin ของ Mercedes-Benz เบื้องต้นจะเพิ่มขึ้นเป็น 11.8% ก่อน คิดเป็นมูลค่า 140 ล้านปอนด์ และหลังจากนั้นจะทยอยเพิ่มขึ้นตามลำดับ โดย Aston Martin ให้เหตุผลว่า ดีลดังกล่าวเป็นการยกระดับความเป็นพันธมิตรทางเทคโนโลยี
สำหรับสิ่งที่ Aston Martin ได้จาก Mercedes-Benz จะเน้นไปที่เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นซอฟต์แวร์ และระบบเชื่อมต่อต่างๆ ซึ่งช่วยให้ Aston Martin เข้าถึงเทคโนโลยีการขับเคลื่อนรูปแบบใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าในอดีต
“ถือป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของ Aston Martin และคิดว่าจะช่วยให้การทำธุรกิจหลังจากนี้ของบริษัทดีขึ้นกว่าเดิม ผ่านการเข้าถึงโอกาสธุรกิจใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ได้ติดอยู่แค่ในกรอบเดิม” Lawrence Stroll ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Aston Martin กล่าว
ทั้งนี้ Aston Martin วางแผนเพิ่มยอดขายเป็น 10,000 คันภายในปี 2568 จากปี 2562 จำหน่ายได้ 5,862 คัน แต่สัดส่วนกำไรนั้นยังทำได้ไม่ดีนัก ทำให้บริษัทคาดหวังกับความร่วมมือครั้งนี้ว่าจะช่วยสานเป้าหมายยอดขาย 2,000 ล้านปอนด์ระยะยาว โดยต้องการได้ 500 ล้านปอนด์ภายใน 5 ปีจากนี้
สรุป
Aston Martin เป็นรถหรู แต่รายได้ และกำไรกลับไม่หรูอย่างที่ควรจะเป็น ดังนั้นการร่วมมือกับ Mercedes-Benz ก็น่าจะช่วยให้แบรนด์นี้เข้าถึงการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่ Aston Martin ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องแผนได้ไม่มากก็น้อย
อ้างอิง // BBC
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา