กรุงศรีเตรียมแผนธุรกิจระยะกลางฉบับใหม่ มองเรื่อง Megatrend มีผลต่อลูกค้าของธนาคารมากขึ้น

ธนาคารกรุงศรีอยุธยาเตรียมแผนธุรกิจระยะกลางฉบับใหม่ ที่เน้นเรื่อง Megatrend ซึ่งจะเริ่มใช้ในปี 2021 เป็นต้นไป ขณะเดียวกันธนาคารเองได้เน้นย้ำถึงเรื่องการปรับตัวในระยะสั้นต้องมีความรวดเร็ว แม้ว่าจะมีแผนระยะกลางแล้วก็ตาม

ไพโรจน์ ชื่นครุฑ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกลยุทธ์และวางแผนธุรกิจองค์กร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
ไพโรจน์ ชื่นครุฑ – ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกลยุทธ์และวางแผนธุรกิจองค์กร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)

ธนาคารกรุงศรีอยุธยาเตรียมแผนธุรกิจระยะกลางฉบับใหม่ ซึ่งจะเริ่มใช้ในปี 2021 เป็นต้นไป โดยที่จะโฟกัสการดำเนินธุรกิจโดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง สร้างประสบการณ์เหนือระดับ และความผูกพันผ่านแผนธุรกิจที่ตอบรับเมกะเทรนด์และวิถีชีวิตผู้บริโภคในยุค New Normal ขณะเดียวกันแผนการดำเนินการระยะกลางที่จะหมดที่ผ่านมาในหลายๆ เรื่อง เช่น การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ก็ต้องดำเนินต่อไปด้วยเช่นกัน

ไพโรจน์ ชื่นครุฑ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกลยุทธ์และวางแผนธุรกิจองค์กร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เล่าถึงแผนธุรกิจระยะกลางฉบับปัจจุบันที่ครอบคลุมการดำเนินงานปี 2561-2563 นั้นธนาคารสามารถทำหลายๆ เรื่องได้ดี

ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกลยุทธ์ฯ ของกรุงศรี ได้กล่าวถึง 3 เรื่องที่ทำในปีนี้และทำต่อไป ได้แก่

  1. Customer Experience เน้นสร้าง Engagement ให้กับลูกค้าผ่านช่องทางดิจิทัล ทำให้ลูกค้ารวดเร็วสะดวกมากขึ้น รวมไปถึงการออกแอพพลิเคชั่น เช่น Kept ส่งผลทำให้ Operating Cost ลดลงด้วย สำหรับภาคธุรกิจก็ได้เพิ่มฟังก์ชั่นต่างๆ ให้ลูกค้าธุรกิจของธนาคารใช้งานสะดวกขึ้น ขณะเดียวกันก็เน้นในบริการเรื่อง  ที่ปรึกษา โดยเฉพาะเรื่องการบริหารความมั่งคั่ง เป็นต้น
  2. การใช้เทคโนโลยีเพื่อต่อยอดให้กับลูกค้า การใช้ข้อมูลในการทำงานของธนาคารช่วยให้มีผลิตผลและสามารถให้บริการลูกค้าแบบเฉพาะเจาะจงลงไปได้ ขณะที่มีการใช้เทคโนโลยีมาช่วยทำงานซ้ำๆ โดยร่วมมือกับ MUFG ในการพัฒนา ซึ่งสามารถประหยัดชั่วโมงการทำงานถึง 3 แสนชั่วโมง รวมไปถึงการใช้ AI ไว้สำหรับดูเรื่องความเสี่ยงในด้านต่างๆ
  3. ต่อยอดให้ลูกค้าและขยายธุรกิจออกไป ไม่ว่าจะเป็นการจับมือกับ Grab ที่เร็วๆ นี้จะมีออกผลิตภัณฑ์การเงินร่วมกัน ขณะที่การขยายธุรกิจออกไปนอกประเทศไทย ก็จะใช้ความแข็งแกร่งของ MUFG ที่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ช่วยให้ขยายธุรกิจออกไปง่ายขึ้น เช่น การไปร่วมทุนในการทำธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลที่ประเทศฟิลิปปินส์

ไพโรจน์ ยังได้เล่าเสริมว่า แต่สำหรับปีนี่ไม่เหมือนปีอื่นๆ จากปัญหาของ COVID-19 ทำให้ธนาคารต้องปรับตัวเองให้คล่องตัว รวดเร็ว ถึงแม้ว่าจะมีแผนของระยะยาวก็ตาม ขณะเดียวกันทางกรุงศรีเองก็ต้องดูคุณภาพของสินทรัพย์และต้องดูแลลูกค้าให้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก แม้ว่าธนาคารจะมี NPL ต่ำที่สุดในบรรดาธนาคารใหญ่ๆ ของไทยก็ตาม

ขณะที่แผนกลยุทธ์ระยะกลางที่ธนาคารจะใช้ในปี 2021 นั้นที่จะต่อยอดจากแผนกลยุทธ์ที่ผ่านมา แต่จะผสมผสานในเรื่องความไม่แน่นอน และเรื่อง Megatrend ที่เปลี่ยนไป

ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกลยุทธ์ฯ ของกรุงศรีฯ ยังได้ย้ำว่าเรื่อง Megatrend มีความสำคัญต่อลูกค้าของธนาคาร เช่น สังคมผู้สูงอายุ ส่งผลต่อการออกผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้า การใช้เทคโนโลยีให้กับลูกค้าซึ่งจะช่วยให้ลดความเสี่ยงจาก COVID-19 การพาลูกค้าออกไปลงทุนในอาเซียน ฯลฯ หรือแม้แต่ธุรกิจของธนาคารที่ Landscape เปลี่ยนไป

สำหรับแผนกลยุทธ์ระยะกลางของกรุงศรีนั้นได้ร่วมมือกับวิจัยกรุงศรีในการทำแผนนี้ขึ้นมา ซึ่งจุดแข็งคือกรุงศรีมีทั้ง MUFG ที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่นั้นคอยสนับสนุน การเป็นผู้นำในกลุ่มของ Consumer Finance โดยแผนธุรกิจระยะกลาง 3 ปีตอนนี้แล้วเสร็จไป 40%

ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกลยุทธ์ฯ ของกรุงศรีฯ คาดว่าแผนจะแล้วเสร็จในช่วงต้นปี 2021

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

mm
Content Writer ที่สนใจในเรื่องของตลาดทุนทั้งในและต่างประเทศ กลุ่ม TMT (Technology, Media, Telecom) การควบรวมกิจการ (M&A) นโยบายทางเศรษฐกิจของไทยและต่างประเทศ รวมถึงสิ่งละอันพันละน้อยทางธุรกิจที่น่าสนใจ