หน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินของจีนยังสนับสนุนฮ่องกงเป็นศูนย์กลางทางการเงินต่อไป นอกจากนี้แถลงการณ์ยังได้กล่าวว่าการคว่ำบาตรของสหรัฐต่อจีนด้านการเงินจะกระทบต่อคนทั้งโลก ไม่ใช่แค่ชาวจีนอย่างเดียว
China Banking and Insurance Regulatory Commission (CBIRC) ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินของจีนออกแถลงการณ์ว่าจะยังสนับสนุนฮ่องกงในฐานะศูนย์กลางทางการเงินต่อไป และพร้อมสนับสนุนสถาบันการเงินในจีนที่ทำธุรกิจในฮ่องกงให้ทำตามกฎระเบียบข้อบังคับของฮ่องกง รวมไปถึงเสนอการให้บริการแก่ธุรกิจและประชาชนทั่วไป ไม่เพียงแค่นั้นในแถลงการณ์ดังกล่าวยังไม่เห็นด้วยกับการคว่ำบาตรของสหรัฐด้วย
- ไต้หวันขอเป็นศูนย์กลางทางการเงินเอเชียแห่งใหม่ หลังแบงก์ต่างชาติสนใจเข้ามาลงทุน
- ญี่ปุ่น เตรียมดันโอซาก้า-ฟุกุโอกะ เป็นฮับการเงินแห่งใหม่ ชิงความได้เปรียบจากฮ่องกง
- นายกญี่ปุ่นเตรียมเสนอแผนรับนักการเงินชาวฮ่องกงที่มีแวว ย้ายมาทำงานที่แดนอาทิตย์อุทัย
แถลงการณ์ของ CBIRC ยังกล่าวถึงว่าในปัจจุบันฮ่องกงได้ทำหน้าที่ศูนย์กลางทางการเงินอย่างดี ซึ่งจะเห็นได้จากค่าเงินดอลลาร์ของฮ่องกงเองที่แข็งแกร่ง สอดคล้องกับความเชื่อมั่นของนานาชาติที่มีต่อฮ่องกง และฮ่องกงในอนาคตจะยังศูนย์กลางทางการเงินต่อไปอย่างมีเสถียรภาพและไม่สั่นคลอนหรืออ่อนแอแต่อย่างใด
ในช่วงที่ผ่านมานั้นในสายตาของนานาชาติหลังจากที่ฮ่องกงมีกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ออกมา ทำให้นักลงทุน สถาบันการเงินต่างๆ กังวลถึงเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและแสดงออก โดยเมื่อกฎหมายฉบับใหม่ออกมานั้นจะเห็นว่าผู้เห็นต่างทางการเมืองนั้นโดนควบคุมตัวทันที
นอกจากนี้ในช่วงที่ผ่านมา สถาบันการเงินต่างชาติหลายๆ แห่งได้เริ่มหาลู่ทางขยายสำนักงานนอกฮ่องกง เช่น กรณีของ Deutsche Bank ที่ล่าสุดผู้บริหารธุรกิจฝั่งเอเชียให้ความสำคัญกับสำนักงานที่สิงคโปร์เป็นหลักแทน ขณะที่สำนักงานที่ฮ่องกงนั้นเน้นไปในด้านบริหารความมั่งคั่ง รวมไปถึงสถาบันการเงินอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น UBS และ Credit Suisse ที่เลือกสำนักงานใหญ่ในเอเชียเป็นสิงคโปร์แทนฮ่องกง
CBIRC ยังได้กล่าวถึงการเปิดเสรีด้านการเงินในจีนว่ามีสถาบันการเงินต่างชาติสนใจเข้ามาทำธุรกิจในจีนแผ่นดินใหญ่มากขึ้นกว่าเดิมด้วย และมองว่าจะยังเป็นการพัฒนาที่มีคุณภาพต่ออุตสาหกรรมการเงินในจีนด้วย นอกจากนี้ในแถลงการณ์ด้งกล่าวยังกล่าวถึงการคว่ำบาตรของสหรัฐว่าการคว่ำบาตรดังกล่าวไม่ใช่กระทบต่อประชาชนจีน แต่กระทบกับประชาชนทั่วโลกรวมไปถึงชาวอเมริกันด้วย
ที่มา – Yahoo News, Global Times
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา