หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยมีแนวโน้มคลี่คลายลง คนไทยหลายคนกำลังวางแผนเดินทางไปท่องเที่ยวภายในประเทศหลังจากที่ไม่ได้เดินทางไปไหนมานาน แต่ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งคือความมั่นใจโดยเฉพาะเรื่องความสะอาด และสุขอนามัยที่ควรคำนึงถึงเป็นอันดับแรกๆ
ไมเนอร์ โฮเทลส์ ซึ่งเป็นผู้ดำเนินกิจการธุรกิจโรงแรม 29 แห่งในประเทศไทย และอีก 536 โรงแรม ใน 55 ประเทศทั่วโลก โดยในประเทศไทยมีโรงแรมหลักๆ อยู่ 2 แบรนด์ คือโรงแรมอนันตรา และโรงแรมอวานี ซึ่งในขณะนี้ได้ทยอยเปิดให้บริการตามปกติแล้ว โดยมีมาตรการด้านความสะอาด และสุขอนามัยเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับแขกที่เข้ามาพักภายในโรงแรม
สร้างมาตรฐานความปลอดภัย สร้างความสบายใจในการเข้าพัก
โทมัส ไมเออร์ รองประธานอาวุโสฝ่ายปฎิบัติการ (เอเชีย) ของไมเนอร์ โฮเทลส์ เล่าว่า ได้มีการทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญ และหน่วยงานทั้งในไทยและต่างประเทศ เพื่อสร้างมาตรฐานด้านสุขอนามัยและความปลอดภัย โดยแบ่งออกเป็น เครือโรงแรมอนันตรา ได้กำหนดมาตรฐาน พักอย่างสบายใจ (Stay with Peace of Mind) ตั้งแต่การเว้นระยะห่าง ตรวจเช็คอุณหภูมิ การฆ่าเชื้อในพื้นที่ต่างๆ ของโรงแรม รวมถึงสัมภาระของแขกก่อนที่จะจัดส่งถึงมือผู้เข้าพัก
ส่วนเครือโรงแรมอวานี ได้กำหนดมาตรฐานภายใต้ชื่อ อวานี ชิลด์ (AvaniSHIELD) โดยจะเน้นไปที่การให้บริการแบบไร้สัมผัส ใช้แอปพลิเคชันเข้ามาให้บริการแทนเพื่ออำนวยความสะดวกตั้งแต่การเช็คอิน ไปจนถึงเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรม รวมถึงชำระค่าบริการและรับใบเสร็จรับเงินผ่านทางระบบออนไลน์อีกด้วย
นอกจากมาตรฐานด้านความสะอาดในการให้บริการแล้ว โรงแรมทั้งอนันตรา และอวานี ทั้งสองเครือ ยังเข้าร่วมโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ของภาครัฐบาลที่ต้องการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยให้สิทธิ์ในการรับส่วนลดค่าที่พัก 40% เป็นเงินสูงสุด 3,000 ต่อห้อง ต่อคืน โดยสามารถรับสิทธิ์ได้สูงสุด 5 คืน และคูปองส่วนลดค่าอาหาร และค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวมูลค่า 600 บาทต่อวันอีกด้วย โดยผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนได้ที่เว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม เป็นต้นไป
ความพยายามในช่วงวิกฤตของไมเนอร์
นอกจากมาตรฐานด้านสุขอนามัยและความปลอดภัย และการออกโปรโมชันร่วมกับภาครัฐเพื่อสนับสนุนให้คนไทยเที่ยวในประเทศแล้ว ยังมีการออกโปรโมชันเพื่อสนับสนุนการใช้โรงแรมในเครือไมเนอร์เพื่อจัดประชุมสำหรับลูกค้าหน่วยงาน หรือองค์กรต่างๆ ด้วยเช่นกัน รวมถึงการเปิดตัวบริการใหม่ๆ ทั้ง Loy Pela เป็นบริการล่องเรือแบบค้างคืน และ Manohra Cruises บริการล่องเรือพร้อมบริการอาหารมือค่ำ ในแม่น้ำเจ้าพระยา
ความพยายามครั้งนี้ของไมเนอร์นับว่าเป็นที่น่าจับตามอง เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าที่ผ่านมาธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยโรงแรมในเครือไมเนอร์ทั่วโลก จำเป็นต้องปิดให้บริการคิดเป็น 75% ของโรงแรมทั้งหมด ทำให้รายได้ที่จะเข้ามาขาดหายไป จนต้องมีมาตรการในการลดค่าใช้จ่าย ทั้งการลดเงินเดือน และการให้หยุดงานโดยไม่จ่ายเงินเดือน เป็นต้น
โดยในขณะนี้โรงแรมในเครือไมเนอร์ 536 แห่ง ใน 55 ประเทศทั่วโลกยังไม่สามารถเปิดให้บริการได้ครบทั้งหมด เนื่องจากโรงแรมในหลายๆ แห่ง อาศัยนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก แทบไม่มีการท่องเที่ยวของคนภายในประเทศเลย เช่นมัลดีฟ ยกเว้นบางประเทศ เช่น ไทยกับเวียดนามที่มีการท่องเที่ยวภายในประเทศ ก็จะสามารถทยอยเปิดให้บริการโรงแรมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ความพยายามในการฟื้นฟูการท่องเที่ยวภายในประเทศของไมเนอร์นับว่ามีความท้าทายอย่างมากต่อการดำเนินธุรกิจ เพราะแม้ว่าในขณะนี้การท่องเที่ยวภายในประเทศจะสามารถทำได้จนเกือบอยู่ในภาวะปกติแล้ว แต่การท่องเที่ยวภายในต่างประเทศยังคงไม่สามารถทำได้ ซึ่งจำนวนโรงแรมในต่างประเทศของไมเนอร์มีสัดส่วนที่มากกว่าโรงแรมภายในประเทศไทยอย่างมาก โทมัส ไมเออร์ คาดการณ์ว่า เห็นสัญญาณการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวเมื่อมีการใช้นโยบาย Travel Bubble ในอนาคต
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา