ก่อนหน้านี้ GNC ประสบปัญหาทางธุรกิจมาระยะหนึ่งแล้ว เนื่องจากบุกตลาดออนไลน์ได้ไม่ดีนัก พอมาเจอวิกฤต COVID-19 ยิ่งทำให้ยอดขายลดลง ส่งผลให้ไม่สามารถชำระหนี้มหาศาลได้ในปีนี้ และต้องยื่นล้มละลายในที่สุด
ลาก่อนค้าปลีกดั้งเดิม
การยื่นล้มละลายของ GNC เกิดขึ้นวันที่ 23 มิ.ย. ตามเวลาสหรัฐอเมริกา เนื่องจากไม่สามารถชำระหนี้ 895 ล้านดอลาร์สหรัฐที่จะครบชำระในสิ้นปีนี้ได้ หลังในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้มีขาดทุนสุทธิ 200 ล้านดอลลาร์ โดยเบื้องต้นบริษัทต้องการปิดหน้าร้านอย่างน้อย 800-1,200 แห่ง หรือประมาณ 1 ใน 4 ของสาขาในพื้นที่อเมริกาเหนือ
สำหรับต้นตอของการล้มละลายของ GNC นั้นเริ่มมาจากการเข้าสู่การจำหน่ายสินค้าออนไลน์ หรืออีคอมเมิร์ซช้าจนเกินไป ทำให้บริษัทไม่สามารถแข่งขันกับผู้เล่นรายอื่นที่จำหน่ายสินค้าวิตามิน และอาหารเสริมในโลกออนไลน์มาก่อนได้ แม้ยอดขายออนไลน์จะเติบโต 25% ในไตรมาสล่าสุด แต่ก็ไม่สามารถประคองยอดขายที่ลดลงจากหน้าร้านได้
“การเร่งทำเรื่องนี้จะช่วยให้ GNC สามารถกลับมาลงทุนในสิ่งที่ต้องการขยายตัวในอนาคต และสามารถวางเป้าหมายบริษัทให้ตอบรับความต้องการของลูกค้าทั้งในปัจจุบัน และอนาคตได้” ตัวแทนของบริษัท GNC กล่าว โดยในปีงบประมาณ 2562 บริษัทมียอดขาย 2,100 ดอลลาร์ ลดลงจาก 2,700 ล้านดอลลาร์ที่ทำได้เมื่อสี่ปีก่อน
ทั้งนี้บริษัท GNC อยู่ระหว่างเตรียมขายทอดทรัพย์สินในศาลล้มละลาย โดยคาดว่า Harbin Pharmaceutical Group Holding ยักษ์ใหญ่จากจีน และบริษัทในเครือของผู้ถือหุ้นสูงสุด จะเป็นผู้เข้ามาประมูล คาดว่าราคาทรัพย์สินจะเริ่มต้นที่ 760 ล้านบาท
สรุป
แม้สาขาของ GNC จะค่อนข้างเล็ก หรือ 90-110 ตร.ม. แต่ด้วยสาขาที่มันมาก ทำให้ GNC ควบคุมค่าใช้จ่ายได้ลำบาก และถึงบริษัทจะทยอยปิดสาขาไปก่อน COVID-19 ถึง 30% แล้ว แต่มันก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้มากนัก ดังนั้นต้องติดตามกันว่าอนาคตของ GNC จะเป็นอย่างไรต่อไป
อ้างอิง // Fortune
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา