รูปแบบการทำงานในอนาคตเป็นสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนพยายามคาดการณ์กันมานาน แต่ดูเหมือนว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จะกลายเป็นตัวเร่งปฎิกริยาให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในการทำงาน โดยไม่ต้องรอเวลาในอนาคตข้างหน้าอีกต่อไป
ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เราได้เห็นภาพบริษัทหลายแห่งในโลกนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อทำงานแทนคน โดยเฉพาะในโกดังสินค้า ร้านค้า ซุปเปอร์มาเก็ต ที่ลงทุนเพื่อใช้หุ่นยนต์แทนคนในระยะยาว ในอีกแง่หนึ่งบริษัทบางแห่งก็เลือกที่จะให้ความสนใจกับความต้องการของพนักงาน โดยให้สิทธิพิเศษ และสวัสดิการที่มากขึ้นเพื่อรับมือกับรูปแบบการทำงานในอนาคต
อย่างไรก็ตามแน่นอนว่าเมื่อรูปแบบการทำงานในอนาคต กลายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ทำให้การปรับตัวกลายเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะกับพนักงานในบริษัทต่างๆ ซึ่ง Frederick Goff CEO ของ Jobcase เว็บไซต์หางานชื่อดังของสหรัฐอเมริกา ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการปรับตัวเข้าสู่โลกแห่งการทำงานรูปแบบใหม่ ที่กำลังเกิดขึ้นเร็วๆ นี้
เตรียมตัวกับการเปลี่ยนงานเสมอ
ไม่ว่าจะเป็นคนที่กำลังตกงานอยู่ในปัจจุบัน หรือคนที่มีงานทำอยู่แล้ว ควรเตรียมตัวให้พร้อมกับการเปลี่ยนงานใหม่อยู่เสมอ แม้ว่าจะยังไม่ได้อยากเปลี่ยนงานก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดคือ การเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานให้พร้อม เช่น หนังสือรับรองทักษะ หรือความสามารถที่มี ผลการประเมินความพึงพอใจของลูกค้า หรือผลประเมินความสามารถในการทำงานในที่ปัจจุบัน ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถหางานใหม่ได้ง่ายขึ้นในกรณีที่คุณอยากเปลี่ยนงาน และจะเป็นการแสดงให้นายจ้างเห็นว่าคุณมีความสามารถพร้อมที่จะทำงานได้
อย่าหยุดเรียนรู้ เสริมทักษะใหม่ๆ อยู่เสมอ
การเรียนรู้เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญเพื่อเตรียมความพร้อมกับการทำงานในอนาคต การรู้จักเรียนรู้อยู่เสมอเป็นสิ่งจำเป็น อย่าหยุดที่จะเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ทั้งที่เกี่ยวกับการทำงานโดยตรง และไม่ได้เกี่ยวกับการทำงาน ซึ่งทักษะเหล่านี้สามารถใช้เป็นประโยชน์ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับตัวคุณเองได้ โดยแสดงไว้ใน Profile ที่ระบุความสามารถ ประสบการณ์ และจุดเด่นของคุณบนเว็บไซต์หางาน
เลือกทำงานที่ให้ความสนใจกับคน
ปัจจุบันบริษัทต่างๆ มีทางเลือกในการใช้เทคโนโลยีเข้ามาแทนที่การทำงานของคน แม้ว่าปัจจุบันเทคโนโลยีจะยังไม่สามารถทดแทนคนได้ 100% แต่ในอนาคตอันใกล้นี้เทคโนโลยีอาจเก่งขึ้นเรื่อยๆ จนทำงานแทนที่คนได้ทั้งหมดในที่สุด สิ่งสำคัญของการทำงานที่ควรคำนึงถึง คือ ควรเลือกทำงานในบริษัทที่เห็นความสำคัญของคนในฐานะทรัพยากรที่มีความสำคัญ ซึ่งบริษัทเหล่านี้มักให้เงินเดือนเหมาะสมกับค่าครองชีพ มีสวัสดิการที่ดี และเข้าใจพนักงาน นับว่าเป็นอีกหนึ่งการลงทุนที่คุ้มค่าทั้งในระยะสั้น และในระยะยาวของชีวิต
รู้จักช่วยเหลือคนอื่น
การรู้จักให้ความช่วยเหลือคนอื่นๆ ถือว่าเป็นสิ่งที่มีความสำคัญในการทำงาน เพราะนอกจากการช่วยเหลือจะเป็นการสร้างมิตรภาพแล้ว ยังช่วยสร้างเครือข่ายที่ดีอีกด้วย บางครั้งการช่วยเหลือที่เรามีให้คนอื่น อาจย้อนกลับมาหาเราในยามที่ลำบาก
รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง
การรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง ไม่ใช่แค่การเลือกทานอาหารที่เป็นประโยชน์ และออกกำลังกายเป็นประจำเท่านั้น แต่ยังมีประเด็นเรื่องสุขภาพด้านจิตใจที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วในเวลาไม่นาน ย่อมทำให้เกิดความเครียด และความกังวลสะสม ซึ่งไม่ดีกับสุขภาพอย่างแน่นอน และเมื่อสุขภาพมีปัญหา ความสามารถในการทำงานก็จะลดลงไปด้วยเช่นกัน
ที่มา – Fast Company
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา