กนง. มีมติ 4 ต่อ 3 เสียง ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.25% ทำให้ล่าสุดไทยมีอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 0.5% และยังทำสถิติต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์การเงินไทย
การประชุมนโยบายการเงินในวันนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ 4 ต่อ 3 เสียง ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.25% ทำให้ล่าสุดไทยมีอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 0.5% โดยคณะกรรมการประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มหดตัวลงมากกว่าที่คาดไว้ในการประชุมครั้งที่ผ่านมา เสถียรภาพการเงินเปราะบางมากขึ้นกว่าเดิม
ในการตัดสินนโยบาย คณะกรรมการฯ ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2563 มีแนวโน้มหดตัวกว่าประมาณการเดิมตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่หดตัวรุนแรงกว่าที่คาดและผลกระทบจากมาตรการควบคุมการระบาดทั่วโลก อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มติดลบกว่าที่ประเมินไว้ เสถียรภาพระบบการเงินเปราะบางมากขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ
กรรมการ 4 เสียงเห็นว่า นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้นจะช่วยลดผลกระทบจากปัจจัยลบที่เกิดขึ้น รวมทั้งสอดประสานกับมาตรการการคลังของรัฐบาลและมาตรการด้านการเงินและสินเชื่อที่ได้ออกไปก่อนหน้านี้ ขณะที่กรรมการ 3 เสียง เห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในการประชุมครั้งนี้และเร่งรัดประสิทธิผลของมาตรการด้านการเงินและสินเชื่อที่ได้ประกาศไปแล้ว
กนง. โดยรวมเห็นว่า ควรผลักดันให้สถาบันการเงินเร่งปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของลูกหนี้ โดยเฉพาะครัวเรือนและธุรกิจ SMEs ให้เกิดผลในวงกว้างมากขึ้น และเร่งรัดการให้สินเชื่อผ่านโครงการต่าง ๆ ที่ได้ออกมาก่อนหน้าเพื่อแก้ปัญหาสภาพคล่องให้ตรงจุดและทันการณ์
สำหรับมุมมองเศรษฐกิจไทยเรื่องอื่นๆ นั้น กนง. มองว่า ภาคการท่องเที่ยวและภาคการส่งออกได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้ามากกว่าคาด ขณะที่อุปสงค์ในประเทศทั้งการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนหดตัวกว่าที่คาดไว้จากการว่างงานที่เพิ่มสูงขึ้นและมาตรการควบคุมการระบาด
อย่างไรก็ดี กนง. มองว่า มาตรการการเงินการคลังจะมีส่วนช่วยบรรเทาปัญหาสภาพคล่องของครัวเรือนและธุรกิจ รวมทั้งสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยทยอยฟื้นตัวได้
นอกจากนี้คณะกรรมการยังเป็นห่วงค่าเงินบาท และจับตามองในเรื่องนี้ โดยเฉพาะค่าเงินบาทเริ่มที่จะแข็งค่าในช่วงที่ผ่านมา และยังกังวลถึงเรื่องความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ด้วย
ที่มา – ธนาคารแห่งประเทศไทย
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา