แม้เวียดนามจะมีพรมแดนเชื่อมต่อกับจีน แต่เวียดนามก็สามารถกักกันโรค และป้องกันไม่ให้ไวรัสแพร่กระจายได้ตั้งแต่เริ่มต้น แถมยังมีคนติดเชื้อเพียงไม่กี่ร้อยคน
มีคนเวียดนามราว 75,000 คนที่แยกตัวอยู่ลำพังหรือกำลังกักกันโรคอยู่ มีคนที่ตรวจโรคแล้ว 1.2 แสนคน ราว 268 พบว่าติดเชื้อ รักษาหายแล้ว 201 ราย ยังไม่มีผู้เสียชีวิต
Dr. Kidong Park ผู้แทนองค์การอนามัยโลก ประจำเวียดนาม (เริ่มประจำเวียดนามตั้งแต่ 1 กันยายน 2017 เขาเข้าร่วมงานองค์การอนามัยโลกครั้งแรกในปี 2006 ภายใต้โครงการ Global Influenza Programme) Dr. Park กล่าวว่า เวียดนามรับมือกับโรคระบาดโควิด-19 ตั้งแต่มันเริ่มระบาดระยะแรกๆ ในระดับเชิงรุก ประเมินความเสี่ยงเป็นอันดับแรกและลงมือทำตั้งแต่มกราคมที่ผ่านมา หลังจากที่มีผู้ติดเชื้อในจีน
สิ่งแรกๆ ที่เวียดนามทำ คือการกักกันโรค หรือการแยกคนป่วยออกจากคนไม่ป่วย รวมถึงแยกคนที่สงสัยว่าน่าจะติดเชื้อให้อยู่ลำพังก่อน ใครก็ตามที่ใกล้ชิดหรือติดต่อกับคนป่วยก็จะต้องถูกแยกตัวออกมาเช่นกัน
จากนั้น เวียดนามก็รับมือกับโรคระบาด ด้วยการตั้งคณะกรรมาธิการแห่งชาติในการป้องกันและควบคุมโควิด-19 เวียดนามสั่งปิดโรงเรียนตั้งแต่เดือนมกราคม เริ่มกักกันโรค 16 มีนาคม ใครที่มาจากประเทศที่มีการติดเชื้ออย่างหนัก จะต้องถูกกักกันในค่ายทหาร และระงับเที่ยวบินในประเทศ รถไฟ รถบัส มีการกักกันโรคแทบทุกจังหวัด เวียดนามเริ่มใช้มาตรการ lockdwon ตั้งแต่ 1 เมษายน ซึ่งถือว่าเร็วกว่าอังกฤษและอิตาลีที่มีคนติดเชื้อนับพันราย
หลังซาร์สระบาดในจีนตั้งแต่ปี 2003 เวียดนามเป็นชาติแรกที่ติดเชื้อซาร์สและก็เป็นชาติแรกเช่นกันที่ WHO ระบุว่าสามารถกักกันโรคได้ ทั้งนี้ Nguyen Huy Nga ผู้อำนวยการฝ่ายเวชศาสตร์ป้องกัน กระทรวงสาธารณสุข เวียดนาม ระบุว่า เวียดนามมีจำนวนคนติดเชื้อที่เป็นผู้สูงวัยเพียงเล็กน้อย ผู้ป่วยมีน้อย และทางเวียดนามก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพียงพอ ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ในการให้ความดูแลรักษาผู้ป่วย
นอกจากนี้ ก็ยังมีประสบการณ์ในการรักษาโรคระบาดเช่นซาร์สมาก่อนด้วย และยังมีคำสั่งสำคัญ คือ หากใครไม่ใส่หน้ากากและถูกพบว่าติดเชื้อจะถูกจำคุกยาวนาน 12 ปี
ที่มา – South China Morning Post
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา