Brand Inside นำเสนอเรื่องการปรับตัวของธุรกิจมาโดยตลอด เพราะเชื่อว่าทุกธุรกิจต้อง Transform ตัวเองเพื่อการอยู่รอด และเติบโต ล่าสุด Gaysorn Plaza ก็ปรับตัวจากห้างหรู สู่ Lifestyle Urban Village มีรายละเอียดอะไรบ้าง ลองไปดูกัน
ยกระดับแหล่ง Shopping ย่านราชประสงค์
ต้องเล่าให้ฟังก่อนว่า แต่เดิมห้างหรูบริเวณแยกราชประสงค์ใช้ชื่อ Gaysorn Plaza เป็นอาหารที่รวมแบรนด์ระดับโลกต่างๆ ไว้มากมาย ทำให้ผู้ใช้บริการที่จะเข้าไปเดิน ต้องมีความมั่นใจประมาณหนึ่ง เพราะสินค้าที่จำหน่ายนั้นยากที่จะเอื้อมถึงจริงๆ ดังนั้นทางตระกูล ศรีวิกรม์ ที่เป็นเจ้าของห้างแห่งนี้จึงต้องการยกระดับห้างนี้ขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง แต่ไม่ใช่การจำหน่ายแบรนด์หรูยิ่งกว่าเดิม กลับเป็นการขยายอาณาจักร Gaysorn ให้อลังการกว่าเดิม ผ่านแนวคิด Lifestyle Urban Living พร้อมเปลี่ยนชื่อสถานที่แห่งนี้เป็น Gaysorn Village
ชาญ ศรีวิกรม์ ประธานกลุ่ม เกษร พร็อพเพอร์ตี้ เล่าให้ฟังว่า หลังจากให้บริการมาเกือบ 20 ปี ก็ถึงเวลาที่ Gaysorn ต้องปรับปรุงอีกครั้ง แต่ไม่ใช่เพื่อตัวห้างอย่างเดียว ต้องช่วยพัฒนาเมือง และสังคมให้เติบโตอย่างยั่งยืนด้วย จึงตัดสินใจใช้งบประมาณ 3,470 ล้านบาท ในการลงทุนปรับปรุงเฟสแรก ประกอบด้วย การปรับปรุงส่วนศูนย์การค้า Gaysorn ให้ดียิ่งขึ้น ผ่านพื้นที่ให้เช่าจำหน่ายสินค้า 12,000 ตร.ม., สร้างอาคารสำนักงานให้เช่า Gaysorn Tower สูง 30 ชั้น มีพื้นที่ 20,000 ตร.ม. และปรับปรุง Amarin Tower ให้ดีขึ้นเช่นเดียวกัน
“ตอนนี้การปรับปรุงห้าง Gaysorn นั้นเสร็จสมบูรณ์แล้ว เหลือเพียงการสร้าง Gaysorn Tower ให้เสร็จภายในเดือนมิ.ย. 2560 กับการปรับปรุง Amarin Tower ให้เสร็จในปี 2561 ก่อนที่จะลงทุนเฟส 2 เพื่อปรับปรุง Amarin Plaza ให้เสร็ภายในปี 2562-2563 เพื่อสร้าง Lifestyle Urban Village ได้อย่างเต็มรูปแบบ ที่สำคัญทุกอาคารที่ทางกลุ่มเป็นเจ้าของ รวมถึงอาคารอื่นๆ อีก 18 แห่ง จะถูกเชื่อมต่อด้วย Skywalk ทำให้การใช้ชีวิตในบริเวณนี้มีมิติ และมีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น”
สร้างพื้นที่ร่วมกัน พร้อมขยายฐานลูกค้า
สำหรับฝั่ง Gaysorn Tower นั้นจะไม่ได้มีแค่พื้นที่สำนักงานให้เช่า แต่ยังมีพื้นที่สีเขียวที่ใช้งานร่วมกันบริเวณชั้น 19-20 เพื่อให้คนเมืองสามารถขึ้นมาพักผ่อน หรือสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ได้ นอกจากนี้บริเวณชั้น 9-12 ยังมีการรวมศูนย์สุขภาพเอาไว้เช่นเดียวกัน พร้อมกับการเชื่อมต่อระหว่างอาคารสำนักงาน กับศูนย์การค้า ผ่านแนวคิด Cocoon ซึ่งจุดนี้ทำให้หลายองค์กรตัดสินใจเข้ามาเช่าพื้นที่สำนักงาน เพื่อดึงดูดคนรุ่นใหม่ ผ่านบรรยากาศการทำงานที่ไหม่เหมือนเดิมด้วย
ในทางกลับกัน ฝั่งธุรกิจค้าปลีกนั้น การจะจำหน่ายสินค้า Luxury แบบเดิมก็ยังช่วยให้ทางกลุ่มเติบโตได้ แต่การขยายลูกค้าออกไปให้มากขึ้นน่าจะเป็นวิธีที่ดีกว่า เพราะปกติคนเดินห้างสรรพสินค้า Gaysorn อยู่ที่ 10,000 คน/วัน แต่การนำสินค้า และบริการที่เกี่ยวกับ Lifestyle เข้ามามากขึ้น ก็จะช่วยให้ผู้เข้ามาใช้บริการเพิ่มเป็น 30,000 คน/วัน และยิ่งการปรับปรุงครั้งนี้เสร็จสมบูรณ์ครบทั้งหมด ก็มีโอกาสเพิ่มยอดการใช้บริการย่านราชประสงค์ จาก 3 แสนคน/วัน เป็น 4.5 แสนคน/วัน
ค้าปลีกยังเหนื่อย Mood ผู้บริโภคยังไม่มา
ส่วนภาพรวมธุรกิจค้าปลีกในปีนี้ยังไม่ฟื้นตัวมากนัก เพราะเศรษฐกิจทั้งใน และต่างประเทศยังไม่กลับสู่ภาวะปกติ ดังนั้นการปรับตัวของธุรกิจค้าปลีกจึงเป็นเรื่องจำเป็น มิฉะนั้นจะไม่สามารถจับผู้บริโภคเข้ามาใช้บริการในห้างสรรพสินค้าได้ เช่นในประเทศไทยก็มีช่วงหนึ่งที่อยู่ในภาวะโศกเศร้า การจัดกิจกรรม หรือทำแคมเปญต่างๆ ก็ต้องล้อไปกับอารมณ์ หรือทางลูกค้านักท่องเที่ยวที่ยังไม่เชื่อมั่นในเศรษฐกิจโลกมากนัก การสร้างความแตกต่างเมื่อเทียบกับห้างอื่นๆ ก็ยังจำเป็นอยู่เช่นเดิม
สรุป
การปรับตัวจากห้างหรูตอบโจทย์กลุ่มที่ Mass ขึ้น ก็เป็นอีกวิธีที่ทำให้ตัวห้างนั้นอยู่ไปได้อย่างยั่งยืน และแข่งขันกับห้างอื่นในย่านราชประสงค์ได้ แต่ Gaysorn ไม่ได้มองแค่นั้น เพราะต้องการตอบโจทย์ทั้ง Work และ Play ดังนั้นต้องจับตามองดีๆ ว่าถ้า Gaysorn Village เสร็จสมบูรณ์ ย่านราชประสงค์จะเปลี่ยนไปขนาดไหน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา