Heng Swee Keat รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าว เรากำลังตกอยู่ในสถานการณ์พิเศษ (extraordinary situation) เราก็ต้องใช้มาตรการพิเศษเข้าต่อกรกับมัน เดือนที่ผ่านมาเขาเพิ่งจะของบไป 6.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2.07 แสนล้านบาทเพื่อประคับประคองสถานการณ์ให้มีเสถียรภาพมากขึ้น
ครั้งนี้เขาของบที่ 4.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท ถ้ารวมเข้ากับครั้งที่แล้วจะอยู่ที่ 5.5 หมื่นล้านบาท หรือประมาณ 1.7 ล้านล้านบาท ซึ่งถือเป็น 11% ของ GDP
เขาบอกว่างบประมาณที่ขอนี้ คือ Landmark package เพื่อเอาไว้รับมือกับสถานการณ์พิเศษ (unique situation) มันคือ resilience budget ที่จะเอาไว้ตอบโจทย์ 3 เรื่องสำคัญ ดังนี้
- ปกป้องตำแหน่งงาน ไม่ให้คนต้องตกงาน สนับสนุนคนทำงาน และทำให้คนสามารถดำรงชีวิตต่อไปได้ (Save Jobs, Support Workers, Protect Livelihoods)
- ช่วยเหลือผู้ประกอบการให้สามารถก้าวความท้าทายที่ถาโถมเข้ามาได้ทันที (Help Enterprises Overcome Immediate Challenges)
- เพิ่มความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ สร้างความยืดหยุ่นทางสังคม ทำให้สังคมฟื้นตัวได้ (Strengthen Economic and Social Resilience)
“คนสิงคโปร์จำนวนมากเป็นกังวลว่า พวกเขาจะมีเงินจ่ายบิลไหม จะใช้จ่ายในครัวเรือนยังไง เพราะชีวิตพวกเขาได้รับผลกระทบภายใต้สถานการณ์ที่ไม่แน่นอนจากไวรัสระบาด รัฐบาลสิงคโปร์จึงทุ่มงบลงมา เพื่อที่จะให้ทุกครอบครัวก้าวผ่านมันไปให้ได้” Heng กล่าว
Heng กล่าวว่า การดิสรัปทั่วโลกส่งผลกระทบอย่างสำคัญต่อความต้องการในการใช้จ่ายทั่วโลก ดิสรัปห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะการณ์แบบ Global Shocks ได้ ซึ่งคาดการณ์ GDP เช้าวานนี้ของสิงคโปร์ ไตรมาสแรกเศรษฐกิจสิงคโปร์จะหดตัวอย่างมากถึง 10.6% ไตรมาสต่อไตรมาส หรือ 2.2% YOY
ทั้งนี้ สิงคโปร์คาดว่า GDP ปีนี้น่าจะหดตัวลงมาอยู่ที่ -4.0% ถึง -1.0% เศรษฐกิจหลายภาคส่วนได้รับผลกระทบถ้วนหน้า หนักสุดคือภาคการท่องเที่ยว ธุรกิจฟู้ดเซอร์วิส ค้าปลีก ฯลฯ
Heng กล่าวว่า COVID-19 นี้ถือเป็นบททดสอบการทำงานร่วมกันของสังคมและความเข้มแข็งทางจิตใจของทุกคนด้วย ซึ่งรัฐบาลจะทำทุกหนทางเพื่อให้ประชาชนปลอดภัย และทำให้เศรษฐกิจประเทศเดินหน้าและเตรียมตัวเพื่อที่จะฟื้นฟูต่อไปได้อีก
ตอนนี้ เราต้องการให้สิงคโปร์แข็งแกร่งและลุกขึ้นสู้กับความท้าทายนี้ไปด้วยกัน
COVID -19 ถือเป็นความท้าทายสำหรับพวกเรา ทั้งวิกฤตด้านสาธารณสุข ทั้งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างรุนแรง และยังเป็นบททดสอบทางสังคมด้วย
Heng Swee Keat รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุ ครอบครัวชาวสิงคโปร์จะได้รับการช่วยเหลือในเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ ในช่วงที่มีไวรัสโควิด-19 ระบาดอย่างหนักหน่วง
Heng เปิดงบประมาณเพื่อช่วยเหลือประชาชนในช่วงที่โควิดระบาดว่า จะหยุดค่าธรรมเนียมทุกอย่างของรัฐที่ประชาชนต้องจ่าย และยังมีเงินสนับสนุนครอบครัวทั้งที่เป็นค่าใช้จ่ายอุปโภคบริโภคและค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีก ซึ่งมีมาตรการสำคัญ ดังนี้
หนึ่ง ให้ความช่วยเหลือเพื่อให้ประชาชนมีเงินใช้ทุกวัน ขยายวงเงินค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น
รัฐบาลจะขยายวงเงินสำหรับค่าใช้จ่ายให้ประชาชนชาวสิงคโปร์ จากที่เคยประกาศไปเมื่อครั้งแรกในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ รัฐจะเพิ่มวงเงินให้ 3 เท่า เช่น ใครที่ได้รับอยู่ 300 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 9,786 บาท จะเพิ่มเป็น 900 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 29,358 บาท ใครที่ได้รับ 200 เหรียญสหรัฐ ก็จะเพิ่มให้เป็น 600 เหรียญสหรัฐ เป็นต้น
วงเงินค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นให้สำหรับผู้ที่มีรายได้น้อย
พ่อแม่ที่มีลูกอายุต่ำกว่า 20 ปี หรือต่ำกว่านั้นจะได้รับเงินสดเพิ่มขึ้นอีก 300 เหรียญสหรัฐ ซึ่งก่อนหน้านั้นได้เพียง 100 เหรียญสหรัฐ สำหรับคนที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปจะได้รับเงินจาก PAssion Card (เป็นบัตรสมาชิกจากสมาคมประชาชนที่ทำขึ้นมาตั้งแต่ปี 1960 เพื่อช่วยเหลือโครงการต่างๆ) จะเพิ่มวงเงินในบัตรให้อีก เพื่อลดขั้นตอนในการต่อคิวเพื่อรับเงินสด
ชาวสิงคโปร์ที่อายุ 21 ปีขึ้นไปจะได้รับ voucher ในวงเงิน 300 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 9,700 กว่าบาท เพื่อซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคได้ จากเดิมที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้าว่าจะได้ 100 เหรียญสหรัฐหรือประมาณ 3,000 กว่าบาท และจะได้รับเพิ่มอีก 3,000 กว่าบาทในปีถัดไป
มาตรการเหล่านี้ ครอบครัวหนุ่มสาวจะได้รับเพิ่มราว 2,900 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 9,400 กว่าบาท จากเดิมคือ 1,300 เหรียญสหรัฐหรือประมาณ 4,200 กว่าบาท
New #COVID19 Resilience Budget of more than S$48 billion to "deal decisively" with the situation at hand: DPM Heng Swee Keat https://t.co/ZsTW5DbpZ2 pic.twitter.com/ovdZcpEUih
— CNA (@ChannelNewsAsia) March 26, 2020
สอง ยุติการจ่ายเงินค่าธรรมเนียมและค่าบริการของรัฐทั้งหมด
รัฐบาลจะยุติค่าธรรมเนียมและค่าบริการของภาครัฐที่ประชาชนต้องจ่ายทั้งหมดเป็นเวลา 1 ปี เริ่ม 1 เมษายนนี้ สำหรับใครที่จบการศึกษามาและกู้ยืมเงินเพื่อเรียน เงินกู้เรียนรวมทั้งดอกเบี้ยจะถูกระงับไม่ต้องจ่ายเป็นเวลา 1 ปี นับตั้งแต่ 1 มิถุนายน และระงับค่าธรรมเนียมเรียกเก็บสำหรับคนที่ผ่อนชำระค่าบ้านการเคหะแห่งชาติสิงคโปร์ช้าเป็นเวลา 3 เดือนด้วย
สาม Self-Help Groups จะได้รับทุนสนับสนุนมากขึ้น
รัฐบาลจะให้ความสนับสนุน Self-Help Groups เพิ่มเป็น 2 เท่า เป็น 20 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 652 ล้านบาท (Self-Help Groups เป็นโครงการที่ช่วยเหลือนักเรียนที่อยู่ในครอบครัวที่มีรายได้น้อย) ขณะที่ CDC (Community Development Council หรือสภาพัฒนาชุมชน เป็นโครงการที่รัฐให้ความช่วยเหลือแก่คนที่มีรายได้น้อยในสังคม) จะได้รับงบเพิ่มเป็น 75 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2.4 พันล้านบาท เพิ่มจาก 20 ล้านเหรียญสหรัฐ
สี่ ให้งบช่วยเหลือแก่คนทำงานรายได้น้อย
สำหรับคนทำงานที่มีรายได้น้อยและคนที่เป็นนายตัวเองที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป โดยกระทรวงการคลังจะจัดงบประมาณให้อยู่ที่ 145 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 4.7 พันล้านบาทเพื่อช่วยผู้คนที่ตกงานผ่านสำนักงานให้บริการทางสังคม (SSOs: Social Service Offices) และศูนย์ชุมชน (Community Center)
ทั้งนี้ ComCare จะมีแอปพลิเคชันที่ตั้งกองทุนให้ความช่วยเหลือทางการเงินชั่วคราว สามารถใช้ได้ในเดือนเมษายน เพื่อช่วยเหลือครอบครัวที่มีความต้องการอย่างเร่งด่วน
นอกจากนี้ รัฐบาลยังให้เงินอุดหนุนตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-กันยายน เพื่อให้ผ่านวิกฤต COVID-19 ได้ โดยจะให้คนที่ตกงานได้เงินอุดหนุนนี้เดือนละ 800 เหรียญสหรัฐหรือประมาณ 26,096 บาท เป็นระยะเวลา 3 เดือน เพื่อให้พวกเขาสามารถมีเงินไว้ใช้ได้ในช่วงที่กำลังหางานใหม่ หรือเพื่อที่จะไปหาเรียนหรือฝึกทักษะอะไรใหม่ๆ เพิ่มเติมได้
ที่มา – CNA, Gov Singapore, Straits Times
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา