การขอร้องให้ประชากรเก็บตัวอยู่กับบ้านให้มากที่สุดในช่วงวิกฤตโรค COVID-19 ระบาด ทำให้หลายธุรกิจได้รับผลกระทบพอสมควร หนึ่งในนั้นคือธุรกิจโรงภาพยนตร์ในสหรัฐอเมริกาที่ตอนนี้ไม่มีรายได้ และอาจล้มละลาย
อุตสาหกรรม 15,000 ล้านเหรียญพังในพริบตา
ภาพรวมตลาดโรงภาพยนตร์ในสหรัฐอเมริกาตอนนี้มีมูลค่า 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.95 แสนล้านบาท) มาจากการจำหน่ายตั๋วชมภาพยนตร์ 11,000 ล้านดอลลาร์ และที่เหลือมาจากรายได้อื่นๆ แต่ด้วยปัจจุบัน และหลังจากนี้อีก 3-4 เดือนเป็นอย่างน้อย รายได้จากการจำหน่ายตั๋วแทบจะทำไม่ได้ เพราะไม่มีใครออกมาจากบ้านตัวเอง
John Fithian ประธานสมาคมเจ้าของโรงภาพยนตร์ในสหรัฐอเมริกา เล่าให้ฟังว่า เมื่อไม่มีใครออกมารับชมภาพยนตร์ที่โรง ทำให้โรงภาพยนตร์ไม่มีรายได้ และอาจล้มละลาย หรือร้ายที่สุดคือธุรกิจนี้จะหายไปจากตลาด ยิ่งถ้ารัฐบาลสหรัฐฯ ไม่เข้ามาช่วยเหลือ เรื่องเหล่านี้มันก็ยิ่งเกิดเร็วขึ้น
“เราไม่รู้ว่าภัยพิบัตินี้มันจะจบลงเมื่อไร และถ้ายังไม่สามารถทำรายได้จากการจำหน่ายตั๋วภาพยนตร์ได้ มันก็ยิ่งยากขึ้นไปอีก เพราะเรายังมีค่าใช้จ่ายประจำ เช่นค่าเช่าที่ และค่าสาธารณูปโภคต่างๆ ส่วนพนักงานที่คาดว่ามีราว 1.5 แสนคนทั้งอุตสาหกรรม ตอนนี้ก็ถูกทยอยให้พักงานไปก่อนแล้ว”
ผู้สร้างภาพยนตร์ก็กระทบ แต่หนีไปออนไลน์แทน
เมื่อไม่มีโรงภาพยนตร์ให้นำภาพยนตร์ไปฉาย บริษัทผู้ผลิตภาพยนตร์ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน แต่ทางฝั่งนั้นมีท่ามากมายในการเอาตัวรอด เช่นการไปฉายภาพยนตร์ใหม่บนช่องทางออนไลน์ต่างๆ หรือไม่ก็ยอมสูญเสียรายได้ตรงนี้ และเลื่อนฉายออกไปอย่างไม่มีกำหนดไปเลย
อย่างไรก็ตามตอนนี้หลายอุตสาหกรรมในสหรัฐอเมริกาก็ต้องการให้รัฐบาลสหรัฐฯ เข้ามาช่วยเหลือธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นค้าปลีก, ร้านอาหาร หรืออื่นๆ เพราะต่างก็ไม่มีใครอยากออกมาจากบ้าน และไม่มีใครมีอารมณ์ใช้จ่าย เมื่อเป็นอย่างนี้ถ้ารัฐบาลไม่เข้ามาช่วยเหลือมันก็คงเดินหน้าลำบาก
ธุรกิจโรงภาพยนตร์ในไทยก็แย่เหมือนกัน
ในทางกลับกันโรงภาพยนตร์ในประเทศไทยก็ไม่สามารถเปิดให้บริการได้เช่นกัน และน่าจะรอการสนับสนุนจากภาครัฐอยู่ ส่วนในธุรกิจความบันเทิงที่ทำตลาดอย่างหนักตอนนี้ก็คงไม่พ้นบริการรับชมภาพยนตร์ออนไลน์ต่างๆ ที่อาศัยว่าทุกคนทำงานที่บ้าน และมาสมัครสมาชิกรับชม
สรุป
ส่วนตัวเชื่อว่าธุรกิจโรงภาพยนตร์ไม่หายไปจากตลาดง่ายๆ เพราะถึงอย่างไรก็ยังมีคนบางกลุ่มที่ต้องการได้รับความบันเทิงบนหน้าจอขนาดใหญ่ พร้อมระบบเสียงดีๆ แต่ด้วยสถานการณ์แบบนี้มันก็ยากที่จะจูงใจให้พวกเขาเข้ามาเสียเงิน และคงต้องรอมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐเพียงอย่างเดียว
อ้างอิง // Gamespot
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา