ช่วงเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ถ้าใครเข้าไปซื้อของออนไลน์ที่ iTruemart.com เว็บจะวิ่งไปที่ WeMall.com แทน โดยเป็นเวอร์ชั่น Beta (โลโก้ยังเป็นสีดำ) จนกระทั่งวันที่ 6 ก.ค. ก็ได้เวลาเปิดตัวอย่างเป็นทางการ WeMall.com ห้างออนไลน์ใหม่ในเครือ Ascend Commerce ที่เน้นขายสินค้ามี Brand มาเติมเต็มตลาด e-Commerce ให้ครบถ้วนยิ่งขึ้น
ปุณณมาศ วิจิตรกุลวงศา กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท แอสเซนด์ กรุ๊ป จำกัด และ สืบสกุล สกลสัตยาทร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แอสเซนด์ คอมเมิร์ซ จำกัด ได้ให้ข้อมูลถึงที่มาที่ไปการเกิดขึ้นของ WeMall และเทรนด์ e-Commerce ที่กำลังเกิดขึ้นในปีนี้
- Ascend เปิดห้างออนไลน์ใหม่ในชื่อ WeMall เป็นห้างที่มาครอบ iTruemart อีกทีหนึ่ง และเน้นขายสินค้ามี Brand โมเดลการทำธุรกิจจึงเปลี่ยนไปจากเดิม iTruemart ซื้อสินค้ามาแล้วขายไป ทำกำไรจากส่วนต่างของสินค้า แต่ WeMall จะเป็นห้าง ที่จัดสรรพื้นที่ และมีบริการพิเศษ ยอดขายทั้งหมดจึงอยู่ที่ Brand ต่างๆ
- Wemall จะมีรายได้จากค่าคอมมิชชั่น ซึ่งคิดตั้งแต่ต่ำกว่า 5% ถึง 11% แล้วแต่ประเภทของสินค้า และมีบริการพิเศษ 3 ส่วน การทำตลาด, การดูแล Inventory และ ดูแลเรื่อง Fulfillment ซึ่งแบรนด์ต่างๆ สามารถเลือกบางส่วน หรือจะทำทั้งหมดก็ได้ ดังนั้น รายได้เดิมของ iTruemart กว่า 2,000 ล้านบาทต่อปี แต่ WeMall ยังต้องรอดูอีกระยะหนึ่ง และจะเป็นตัวชี้วัดในการขยาย WeMall ไปต่างประเทศด้วย
- จุดเด่นของ WeMall คือ สินค้าทุกอย่างจะเป็นสินค้ามี Brand เริ่มจากสินค้าระดับแมสในตลาดทั่วไป และในอนาคตมีถึงระดับ Luxury Brand ซึ่งทุกแบรนด์จะขายเองโดยตรง และให้บริการผ่าน Ascend ดังนั้นจึงเชื่อถือได้ 100% โดยวันนี้มีแบรนด์สินค้ามาร่วมแล้วกว่า 1,100 แบรนด์ คาดว่าจะเพิ่มอีกหลายร้อยในปลายปีนี้ และเพิ่มเป็น 2,000-3,000 แบรนด์ในปีหน้า
- ถ้าเปรียบเทียบแล้ว WeMall จะกลายเป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่อยู่บนออนไลน์ และ iTruemart ไม่ได้หายไปไหน แต่กลายเป็นร้านค้าหนึ่งใน WeMall เหมือน Central World ที่มี ZEN อยู่ข้างใน ขณะที่ WeLoveShopping จะเป็นร้านค้าของพ่อค้าแม่ค้าทั่วไป
- ถ้าถามทำไมต้องเป็น WeMall คำตอบจาก Ascend คือ ต่อไปจะมีแบรนด์ “We” อื่นๆ ออกมาอีก จากตอนนี้มี WeMall และ WeLoveShopping เรียกว่า ในส่วนของ Ascend Commerce มี 2 Platform หลักนี้ให้บริการ
- ปุณณมาศ บอกว่า เทรนด์ที่จะเห็นในตลาด e-Commerce มี 3 ส่วนหลัก และทั้ง 3 ส่วนนี้จะมีอยู่ใน WeMall ด้วย
- Omni Channel หรือการผสานช่องทางออนไลน์-ออฟไลน์เข้าด้วยกัน เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ผู้บริโภค ไม่ว่าจะไปที่ร้านค้าผ่านช่องทางไหน การทำตลาดก็จะเป็นเรื่องง่าย เข้าถึงผู้บริโภคได้ดีขึ้น
- Mass Personalization เป็นการทำตลาดแมสแบบเฉพาะบุคคล ด้วยเครื่องมือสมัยใหม่ ร้านค้าออนไลน์สามารถรู้ได้ว่า ผู้บริโภคแต่ละคนกำลังต้องการอะไร สามารถแนะนำ หรือบอกได้ว่าจะหาซื้อของชิ้นนั้นได้ที่ไหน ใกล้ๆ คุณ
- Real-Time Analytics แต่เดิมกว่าร้านค้าจะรู้ข้อมูล Insight ของผู้บริโภค อาจใช้เวลา 2-3 เดือน และข้อมูลนั้นก็สายไปแล้ว แต่ปัจจุบันทุกอย่างสามารถวิเคราะห์ได้ในทันที
- ตัวอย่าง Brand ที่มาอยู่บน WeMall เรียบร้อยแล้ว เช่น ยูนิลีเวอร์ ที่เริ่มด้วย 3 แบรนด์แรก คือ Clear, Dove และ Vaseline เพื่อดูผลตอบรับ ก่อนจะขยายไปแบรนด์ในเครืออื่นๆ, Nivea ที่มีผลิตภัณฑ์สกินแคร์ทั้งหมด, iRobot เครื่องดูดฝุ่นอัตโนมัติ และสมาร์ทโฟน ASUS
- WeMall เวอร์ชั่น Beta ให้บริการมา 1 เดือน มียอดผู้เข้าชม 2 ล้านรายตลอดเดือน มีมากกว่า 1 แสนรายต่อวัน มี 6 หมื่นยอดสั่งสินค้าที่จัดส่งแล้ว และมีสินค้ากว่า 15,000 รายการจาก 1,100 แบรนด์ โดยการให้บริการยังเป็น Website และ Mobile Site และจะเปิดตัวแอปพลิเคชั่นประมาณปลายปีนี้
- ในปี 2015 ที่ผ่านมา Ascend Commerce คือ iTruemart และ WeLoveShopping มียอดการสั่งซื้อสินค้า 3,200 ล้านบาท จาก 2.7 ล้านการสั่งซื้อ จากผู้ขายกว่า 3 แสนราย โดยผู้เข้าเว็บกว่า 20 ล้านราย (Unique)
- สำหรับมูลค่าตลาด e-Commerce ของไทยอยู่ที่ 50,000 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 30% ต่อปี เพราะ e-Commerce มีสัดส่วน 2% ของตลาดค้าปลีกในไทย เทียบกับต่างประเทศ ยุโรป และอเมริกา ที่มีสัดส่วนมากกว่า 10% ไปแล้ว ดังนั้นเชื่อว่าอีกหลายปีจากนี้ตลาด e-Commerce จะยังเติบโตมากกว่า 10% ต่อเนื่องแน่นอน
- ยิ่งกว่านั้น m-Commerce ยังมีสัดส่วน 49% ของ e-Commerce แปลว่า การซื้อของออนไลน์ผ่านสมาร์ทโฟนได้รับความนิยมมากขึ้น
- อีกปัจจัยหนึ่งคือ พร้อมเพย์ (PromptPay) ที่จะเริ่มลงทะเบียน 15 ก.ค. นี้ จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายออนไลน์มากขึ้นในอนาคต ซึ่งปัจจุบันไทยมีการซื้อออนไลน์ แต่จ่ายออฟไลน์ (จ่ายเป็นเงินสด เช่น Cash on Delivery) คิดเป็นสัดส่วน 60% ของมูลค่า e-Commerce ซึ่งเป็นต้นทุนที่สูงขึ้น
- รวมถึงเรื่องของ Logistics ที่ต้องใช้เทคโนโลยีเข้ามาบริหารจัดการอีกมาก เพื่อลดต้นทุนลง ปัจจุบัน Ascend Commerce อยู่ที่ 45 บาท (ถ้าสั่งสินค้าเกิน 299 บาท ฟรีค่าส่ง) แต่ในประเทศจีน ค่าส่งทั่วประเทศอยู่ที่ 15 บาท แสดงว่าต้นทุนของไทยต้องต่ำได้อีก
บทสรุปต่อ WeMall และ Ascend Commerce
การเปิดตัว WeMall ได้สะท้อนให้เห็นความเป็นไปได้ในการทำธุรกิจของ Ascend หลายประการ เริ่มจาก การเจรจาเข้าถือหุ้นของ Alibaba ตามที่เป็นข่าวในต่างประเทศ (20%) ซึ่งทาง Ascend ยังไม่สามารถให้ความเห็นได้ในเวลานี้ แสดงว่า การเจรจายังไม่จบ ยังมีความเป็นไปได้ในหลายทาง
แต่การใช้ชื่อ WeMall น่าจะเห็นได้ชัดว่า ต้องการรีแบรนด์ให้มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และออกจากคำว่า True เพื่อให้มีความเป็นกลาง ที่ใครก็สามารถซื้อได้ เมื่อมี WeMall และ WeLoveShopping แล้ว มีความเป็นไปได้ที่จะมีการเปลี่ยนแปลง TrueMoney รวมถึงบริการในกลุ่ม Payment อื่นๆ อาจได้ชื่อ WeMoney ก็เป็นได้ แม้จะน่าเสียดายสำหรับแบรนด์ที่ทำตลาดมานาน แต่มองในระยะยาว นี่คือการออกจากข้อจำกัดคำว่า True และอาจทำให้บริการในเครือ Ascend Group ทั้งหมดไปได้ไกลกว่าเดิม
ส่วน Aden, Egg และ TrueIDC เป็นบริการลูกค้าองค์กร ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนก็ได้
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา