โกลบิช อคาดาเมีย (ไทยแลนด์) จำกัด บริษัท Start up ด้านการศึกษาในประเทศไทย (EdTech) ได้เปิดเผยแนวโน้มความนิยมการเรียนภาษาอังกฤษ รวมถึงการใช้เทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์กับการศึกษา ในงานแถลงข่าวโกลบิช สตาร์ทอัพสาย EdTech เปิดเทรนด์สร้าง S-Curve ใหม่ เพิ่มศักยภาพทักษะตนเองและธุรกิจรับยุคดิจิทัลดิสรับชั่น พร้อมทิศทางดำเนินธุรกิจปี 2020
ชื่นชีวัน วงษ์เสรี เจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายธุรกิจ และผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท โกลบิช อคาดาเมีย (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดแรงงานมีอัตราการแข่งขันสูง รวมถึงมีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาแทนที่คน ดังนั้นจึงควรหาความสามารถและทักษะใหม่ๆ อยู่เสมอ
โดยใช้แนวคิดกราฟ S-Curve เข้ามาประยุกต์ คือในช่วงแรกของการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ จะเป็นช่วงที่ยากที่สุด เหมือนคนที่ยังว่ายน้ำไม่เป็น ในระยะต่อมาสามารถว่ายน้ำได้คล่องขึ้นเรื่อยๆ จนช่วงสุดท้ายของ S-Curve ก็จะมีความชำนาญในทักษะนั้นมากที่สุด เมื่อชำนาญทักษะหนึ่งแล้วก็ควรฝึกฝนทักษะใหม่ๆ เป็นการหา S-Curve ใหม่ต่อไปเรื่อยๆ
โดยเฉพาะทักษะภาษาอังกฤษที่มีความจำเป็นอย่างมาก จากการสำรวจของ Jobsdb ในประเทศไทยพบว่าผู้ประกอบการ 62% มีความต้องการแรงงานที่มีทักษะภาษาอังกฤษ เทียบเท่ากับประสบการณ์ทำงาน แต่คนไทยกลับมีทักษะภาษาอังกฤษอยู่ในอันดับที่ 74 จาก 100 ประเทศทั่วโลก และได้คะแนนเฉลี่ยเพียง 47.62 คะแนนเท่านั้น
เป็นเพราะการเรียนการสอนที่ไม่ตอบโจทย์ เน้นการท่องจำ การทำงานกลุ่ม ทำให้นักเรียนที่ขี้อายไม่กล้าพูด ซึ่งการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในยุคใหม่ต้องมีลักษณะที่ดี ดังนี้
1. ต้องเป็นเรื่องใกล้ตัว ประยุกต์วัฒนธรรมไทยเข้ากับบทเรียน ให้คนไทยรู้สึกว่าภาษาอังกฤษเป็นเรื่องใกล้ตัว
2. ต้องนำไปใช้ได้จริง ครูผู้สอนต้องปรับเปลี่ยนบทเรียนให้เข้ากับนักเรียนแต่ละคน เพราะนักเรียนแต่ละคนเก่งไม่เท่ากัน
3. ต้องมีความยืดหยุ่นเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ เลือกเรียนในด้านที่สนใจได้ เช่น ภาษาอังกฤษที่เกี่ยวกับกีฬา หรือธุรกิจ ต้องเรียนได้ทุกที่ทุกเวลาที่ผู้เรียนสะดวก และมีความหลากหลายของคลาสเรียนทั้งคลาสตัวต่อตัวและคลาสกลุ่ม
ธกานต์ อานันโทไทย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายธุรกิจ และผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท โกลบิช อคาดาเมีย (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมาผลประกอบการของโกลบิชเติบโตขึ้นมากกว่า 2 เท่าทุกๆ ปี จากในปี 2016 ที่มีผลประกอบการ 5.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 97 ล้านบาทในปี 2019 ที่ผ่านมา มีคลาสเรียนรวม 88,000 คลาส ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเติบโตของเทคโนโลยี 4G ที่ทำให้การเรียนออนไลน์สามารถทำได้ดีกว่าในอดีต
ส่วนในปี 2020 นี้ โกลบิชตั้งเป้าเติบโต 120% คาดหวังผลประกอบการกว่า 220 ล้านบาท ซึ่งปัจจัยที่จะสนับสนุนให้การเรียนออนไลน์เติบโตขึ้นได้ คือ สถานการณ์ไวรัส COVID-19 และภาวะฝุ่น PM 2.5 ที่ทำให้การออกจากบ้านเพื่อไปเรียนพิเศษอาจไม่ปลอดภัยอีกต่อไป
รวมถึงสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ทำให้แรงงานจำเป็นต้องหาความรู้ทักษะใหม่ๆ เพิ่มเติมเพื่อแข่งขันกับคนอื่นๆ ได้ นอกจากนี้จะมีการนำ AI เข้าช่วยในการเรียนการสอน โดยเฉพาะการตรวจจับใบหน้า น้ำเสียง และท่าทางของผู้เรียน เพื่อวิเคราะห์ว่าผู้เรียนมีความเครียดมากน้อยเพียงใด เข้าใจบทเรียนหรือไม่อีกด้วย
ที่ผ่านมาโกลบิชเป็น Start up ด้านการศึกษาในประเทศไทย (EdTech) ที่สามารถระดมทุนไปได้จำนวนมาก และในปีนี้ตั้งเป้าว่าจะสามารถระดมทุนจากนักลงทุนได้อีกกว่า 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 254 ล้านบาท โดยมีทั้งนักลงทุนจากในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นผู้สนับสนุนให้โกลบิชเติบโตได้ดีต่อไป
ส่วนการขยายกิจการไปยังต่างประเทศโกลบิชยังมองถึงความเป็นไปได้ในการขยายกิจการไปในอาเซียน โดยเฉพาะประเทศอินโดนีเซีย และเวียดนามที่มีศักยภาพการเติบโตที่สูง รวมถึงประเทศบังคลาเทศ และอุซเบกิสถานที่มีประชากรที่พูดภาษาอังกฤษได้ค่อนข้างน้อย
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา